ชาวนาปราจีนฯ วอนรัฐบาลดันราคาข้าวพุ่ง 9,000/ตัน พร้อมแก้ปัญหาทำนายากจากนโยบายห้ามเผาตอซัง
ปราจีนบุรี – วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี เนื่องในวันพืชมงคล ซึ่งถือเป็นวันสำคัญสำหรับภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะพี่น้องชาวนา ในหลายพื้นที่ของอำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอบ้านสร้าง ต่างพากันถือฤกษ์งามยามดีในวันนี้ ลงมือไถหว่านข้าว ทั้งสำหรับนาปีและนาปรังกันอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน ตามความเชื่อที่สืบทอดกันมาว่า วันแรกนาขวัญหรือวันพืชมงคลนี้ เป็นวันมงคลสำหรับการเริ่มต้นเพาะปลูก
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นวันเริ่มต้นฤดูกาลแห่งความหวัง แต่สถานการณ์ที่ชาวนากำลังเผชิญอยู่กลับเต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะปัญหาปากท้องที่มากับราคาข้าวตกต่ำและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
นายเทิดพงษ์ ทองใส อายุ 30 ปี เกษตรกรชาวนาปรัง ซึ่งทำนากว่า 80 ไร่ ในพื้นที่ ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกในฐานะชาวนาว่า วันพืชมงคลถือเป็นวันสำคัญยิ่ง ตนได้ลงมือเริ่มต้นไถหว่านตามประเพณี แต่สิ่งที่อยากจะขอวิงวอนไปยังรัฐบาลในฐานะตัวแทนชาวนา คือ ขอให้พิจารณาลดราคาปุ๋ยและยาทุกชนิดที่ใช้ในการเกษตรลงอย่างเร่งด่วน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ชาวนาแบกภาระหนัก
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการขอให้รัฐบาลช่วยเหลือผลักดันราคาข้าวเปลือกให้มีราคาสูงขึ้น เพื่อให้เกษตรกรชาวนาสามารถอยู่รอดได้ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน “พวกผมเป็นชาวนา ทำนามาทั้งชีวิต จะให้ไปทำอาชีพอื่นก็คงไม่ได้ จึงอยากให้รัฐบาลเห็นใจและช่วยเหลือในเรื่องนี้” นายเทิดพงษ์กล่าว
สอดคล้องกับเสียงจาก นายพยนต์ พฤกษา อายุ 61 ปี อดีตกำนันในพื้นที่ ซึ่งเป็นชาวนาเช่นกัน ได้กล่าวเสริมว่า ชาวนาส่วนใหญ่ในแถบนี้จะนิยมปลูกข้าวพันธุ์ที่ใช้เวลาเก็บเกี่ยวประมาณ 100-110 วัน ซึ่งหากนานกว่านี้อาจประสบปัญหาน้ำท่วมในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยวได้ พื้นที่ทำนามีหลายหมื่นไร่ ทุกคนทำนาด้วยความหวังว่าจะได้ราคาที่ดีเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว
นายพยนต์ได้ย้ำถึงข้อเรียกร้องหลักว่า “สิ่งที่ชาวนาต้องการที่สุดตอนนี้คือการช่วยเหลือด้านการตลาดและราคาข้าว ขอให้รัฐบาลช่วยพยุงราคาข้าวเปลือกให้ได้ที่ตันละ 9,000 ถึง 10,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่พอจะอยู่ได้ เพราะที่ผ่านมาได้ราคาเพียง 6,000 กว่าบาทต่อตันเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มกับต้นทุนและแรงงานที่ลงไปเลย”
นอกจากปัญหาเรื่องราคาและต้นทุน อีกปัญหาใหญ่ที่กำลังทำให้การทำนายากลำบากขึ้นอย่างมาก คือนโยบายของรัฐบาลที่ขอความร่วมมือไม่ให้มีการเผาตอซังข้าว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดมลพิษทางอากาศ
“นโยบายห้ามเผาตอซัง ทำให้ชาวนาต้องหาวิธีอื่นในการจัดการ เช่น การตีหรือไถกลบตอซังลงในดิน ซึ่งจริงอยู่ว่าทำได้ แต่ต้นข้าวหรือตอซังที่ถูกไถกลบลงไปแล้วเน่าเปื่อย จะเกิดแก๊สขึ้นในดิน ซึ่งแก๊สนี้เป็นอันตรายต่อรากข้าว ทำให้รากข้าวเสียหาย เน่า และต้นข้าวก็อาจตายได้” นายพยนต์อธิบายถึงผลกระทบของนโยบายดังกล่าวต่อการทำนาในทางปฏิบัติ
ดังนั้น ในวันมงคลแห่งการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกนี้ ชาวนาในพื้นที่ปราจีนบุรีจึงฝากเสียงสะท้อนไปยังรัฐบาล ขอให้เร่งพิจารณาแนวทางช่วยเหลือทั้งในด้านราคาข้าวเปลือกที่เหมาะสม การลดต้นทุนการผลิต และการหามาตรการที่เหมาะสมหรือทางเลือกอื่นในการจัดการตอซัง เพื่อให้ชาวนาสามารถประกอบอาชีพและมีรายได้ที่เพียงพอสำหรับเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน.