พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศจัดทัพทีมเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ โดยมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง พร้อมดึงบุคคลมากประสบการณ์อย่าง นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ร่วมทีม เตรียมพร้อมติดตาม วิเคราะห์ และตรวจสอบการทำงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเผยรายละเอียดคำสั่งพรรคพลังประชารัฐที่ 15/ 2568 ซึ่งลงนามโดยหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องการแต่งตั้งทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ ตามข้อบังคับพรรคฯ พ.ศ.2561 โดยมีรายชื่อบุคคลสำคัญเข้าร่วมทีม ดังนี้

1. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

2. หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

3. นายอัคร ทองใจสด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นทีมเศรษฐกิจ

4. น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นทีมเศรษฐกิจ

5. ดร.บุณณดา สุปิยะพันธุ์ สมาชิกพรรค เป็นทีมเศรษฐกิจ

6. ดร.มนูญ พรหมลักษณ์ เป็นทีมเศรษฐกิจ

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่นี้ จะมีบทบาทสำคัญในการติดตาม วิเคราะห์ และประเมินผลนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงเกาะติดสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอข้อมูล จุดยืน และข้อทักท้วงของพรรคต่อสาธารณะ ผ่านกลไกรัฐสภาและสื่อมวลชน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่รอบด้าน และสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของบุคลากรพรรคพลังประชารัฐ

เลขาธิการพรรค พปชร. ยังได้กล่าวย้ำถึงความห่วงใยของ พล.อ.ประวิตร ต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน โดยเฉพาะจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการส่งออกทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคยังมีความกังวลเป็นพิเศษต่อปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำอย่างหนัก ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดูเหมือนจะเพิกเฉยและยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่เพียงพอ

ยิ่งไปกว่านั้น นายไพบูลย์ ยังชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะนำไปสู่การคว่ำงบประมาณ หรือแม้กระทั่งการยุบสภาในอนาคตอันใกล้ ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อเสถียรภาพและทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

ด้วยเหตุนี้ พรรคพลังประชารัฐ จึงได้คัดสรรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจมาเสริมทัพ โดยนายไพบูลย์ยืนยันว่า บุคลากรในทีมเศรษฐกิจชุดนี้ ล้วนเคยผ่านสนามเศรษฐกิจจริงมาแล้ว มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะนายธีระชัย ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ซึ่งจะนำประสบการณ์เหล่านี้มาผสมผสานกับมุมมองของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้การตรวจสอบและเสนอแนะการบริหารราชการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทุกมิติ และพร้อมเดินหน้าเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศต่อไป