ตำรวจ-สตม. แถลง ‘รุกฆาตนักขนคน’ ทลาย 22 เครือข่าย จับ 193 ผู้ต้องหา พร้อมแจงชัดวีซ่าวิศวกรตึก สตง.
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และ พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สตม. ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการ “รุกฆาตนักขนคน ครั้งที่ 2”
พล.ต.ท.อิทธิพล เปิดเผยว่า ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) ได้มอบหมายให้ สตม. รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากการจับกุมขบวนการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายที่ผ่านมา เพื่อขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด
ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวเสริมว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลคดี 184 คดี ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 31 มีนาคม 2568 พบความเชื่อมโยงถึง 22 เครือข่าย จึงได้สนธิกำลังปฏิบัติการ “รุกฆาตนักขนคน ครั้งที่ 2” ร่วมกับตำรวจนครบาล ตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจภูธรภาค 1-9 ระหว่างวันที่ 22-26 เมษายน ที่ผ่านมา โดยได้ขออนุมัติหมายจับ 34 หมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 27 หมาย จำนวน 25 คน เสียชีวิตระหว่างการจับกุม 1 คน และอยู่ระหว่างหลบหนีอีก 6 คน พร้อมตรวจค้นเป้าหมาย 60 จุดทั่วประเทศ
พล.ต.ต.พันธนะ ได้กล่าวถึงรายละเอียดของเครือข่ายที่สำคัญ โดยระบุว่า ในกระบวนการลักลอบขนชาวเมียนมาทางภาคตะวันตกของไทย ผ่านชายแดนจังหวัดตาก มีการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการได้ 5 เครือข่ายหลัก ซึ่งรวมถึงเครือข่าย “บังกอล์ฟ ชุมพร” ที่เชื่อมโยงการพาคนเข้าประเทศเพื่อไปทำงานในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และบางส่วนถูกส่งข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซีย โดยทั้ง 5 เครือข่ายนี้ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 56 คน ออกหมายจับ 33 หมายจับ และดำเนินการกับชาวต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 260 คน พร้อมตรวจยึดของกลาง 15 รายการ
สำหรับการขยายผลถึงนายทุนชาวจีนที่เป็นตัวการ พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดตากยังพบเครือข่ายของ นายสุทิวัส หรือ วัสด์ วังเจ้า ซึ่งเป็นผู้ถูกออกหมายจับในคดีลักลอบขนชาวจีนเข้าไทย โดยบางส่วนถูกพาข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาหรือลาว
นอกจากนี้ ยังพบความเชื่อมโยงไปยังเครือข่าย “วงศกร ชาวจังหวัดพะเยา” ซึ่งเป็นนายหน้าสำคัญในภาคเหนือ ลักลอบขนชาวจีนจากชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย, จ.น่าน และ จ.ตาก โดยตำรวจตรวจพบเส้นทางการเงินของนายวงศกร มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 2,000 ล้านบาท และได้ดำเนินคดีในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป
ในประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเกี่ยวกับวิศวกรชาวจีนที่ทำงานโครงการสร้างตึก สตง. และมีกระแสข่าวว่าถือวีซ่านักศึกษาจีนนั้น พล.ต.ต.พันธนะ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่ สตม. ได้ทำงานร่วมกับดีเอสไอว่า วิศวกรคนดังกล่าวไม่ได้ถือวีซ่านักเรียนตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่ถือวีซ่าขอทำงานชั่วคราว ซึ่งปัจจุบันวีซ่ายังไม่หมดอายุ
ทางด้าน พล.ต.ต.ภานพ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากเครือข่ายข้างต้น ตำรวจยังขยายผลจับกุมเครือข่ายลักลอบขนแรงงานประเทศเพื่อนบ้านผิดกฎหมายเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดเชียงราย และจังหวัดสระแก้ว ซึ่งรวมถึงแรงงานชาวเมียนมา ชาวบังกลาเทศ และชาวจีน
สรุปผลการปฏิบัติการทั้งหมดจาก 22 เครือข่าย ใน 184 คดี ได้ดำเนินคดีผู้ต้องหา 193 คน และจับกุมคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองได้ทั้งสิ้น 2,641 คน แบ่งเป็นชาวเมียนมา 1,979 คน, ชาวเมียนมามุสลิม 270 คน, ชาวจีน 175 คน, ชาวบังกลาเทศ 96 คน, ชาวกัมพูชา 92 คน, ชาวลาว 9 คน, ชาวอัฟกานิสถาน 9 คน, ชาวเวียดนาม 41 คน, ชาวไต้หวัน 3 คน, ชาวอินโดนีเซีย 2 คน, ชาวฟิลิปปินส์ 1 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน.