ปิดฉาก “คอตัน คู้บอน”! ตำรวจรวบยกแก๊งค์ลักรถ พร้อมผู้รับซื้อ แฉเบื้องหลังส่งข้ามแดน
นครบาลเดินหน้าทลายเครือข่ายอาชญากรรม! ตำรวจนครบาลสั่งขยายผลเชิงลึกแก๊งค์ลักรถจักรยานยนต์ “คอตัน คู้บอน” จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้รับซื้อทรัพย์สินที่ได้จากการโจรกรรม เปิดโปงเส้นทางท่อส่งรถเถื่อนข้ามชาติ มุ่งเป้าล่าตัวนายทุนใหญ่ภาคอีสาน
สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ที่ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 (ผบก.น.3) และ พ.ต.อ.สุทธิศักดิ์ วันที รอง ผบก.น.3 ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและกำชับการขยายผลในคดีสำคัญ
คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 08.37 น. ผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.หนองจอก ว่า รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ 110ไอ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 1กน 870 สุโขทัย ซึ่งจอดไว้บริเวณหอพักทีเฮ้าส์ ซอยเลียบวารี 8 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ได้หายไปเมื่อช่วงเช้ามืดของวันเดียวกัน (เวลาประมาณ 02.46 น.)
หลังรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หนองจอก ได้ระดมกำลังออกแกะรอยคนร้ายทันที โดยทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ ทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุอย่างละเอียด จนสามารถยืนยันตัวบุคคลและยานพาหนะที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุได้ พบว่าเป็นชาย 2 คน คือ นายนฤเบศ หรือไกด์ อายุ 20 ปี และนายวีรพล หรือโบ้ อายุ 21 ปี ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับขี่มาร่วมกันก่อเหตุ
จากนั้นชุดสืบสวนได้ทำการลงพื้นที่ติดตามตัวคนร้าย จนทราบเบาะแสว่าทั้งสองได้หลบหนีมาพักอาศัยและซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณซุ้มไก่ หน้าบ้านไม่ทราบเลขที่ ซ.01 กาญจนาภิเษก 9 แยก 9 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร
ต่อมาในวันที่ 29 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หนองจอก ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ชัยธัช เชียงทา รอง ผกก.สส.สน.หนองจอก ได้นำกำลังเข้าพื้นที่ดังกล่าว และพบตัวนายนฤเบศ หรือไกด์ และนายวีรพล หรือโบ้ ยืนอยู่บริเวณซุ้มไก่ โดยมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับบุคคลในภาพจากกล้องวงจรปิด และยืนอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีเขียว ที่มีลักษณะตรงกับรถที่ใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับว่าได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจริง และได้นำรถไปขายให้กับบุคคลที่รู้จักผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งใช้ชื่อบัญชีว่า “จิ๊กโก๋ กลับใจ” ในราคา 8,000 บาท โดยผู้ซื้อได้โอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ หมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งเป็นของแฟนสาวของนายวีรพล หรือโบ้ เมื่อตรวจสอบชื่อผู้โอนเงิน พบว่าเป็นชื่อของนายพิชิตชัย อินปากดี
ภายหลังจากการจับกุมผู้ต้องหาผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หนองจอก ได้เร่งขยายผลทันที เพื่อติดตามจับกุมผู้รับซื้อทรัพย์สินที่ได้จากการโจรกรรม จนกระทั่งศาลอาญามีนบุรีได้อนุมัติหมายจับ นายพิชิตชัย อินปากดี ในข้อหา “รับของโจร”
และเมื่อเวลาประมาณ 15.50 น. ของวันที่ 30 เมษายน 2568 (ตามหมายจับ) และมีการยืนยันการจับกุมเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หนองจอก ได้สืบทราบว่า นายพิชิตชัย ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่ห้องเลขที่ 75/23 ชั้น 3 อาคาร 73 เอื้ออาทรคู้บอน 27 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้
นายพิชิตชัย อินปากดี ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาในชั้นจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดทำบันทึกการจับกุมและนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมกับได้ทำการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีเขียว หมายเลขทะเบียน 1 กม 6466 สมุทรสาคร ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิด
อย่างไรก็ตาม การสืบสวนขยายผลในคดีนี้ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญว่า เครือข่ายแก๊งค์ลักรถจักรยานยนต์ “คอตัน คู้บอน” นี้ มีนายทุนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยรถจักรยานยนต์ที่ได้มาจากการโจรกรรมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะถูกส่งต่อไปยังภาคอีสาน ก่อนจะถูกนำออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางช่องทางธรรมชาติบริเวณริมแม่น้ำโขง
พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร และ พ.ต.อ.สุทธิศักดิ์ วันที ได้เน้นย้ำให้ชุดสืบสวน สน.หนองจอก ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและเร่งรัดการสืบสวนขยายผลไปยังนายทุนใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังเครือข่ายนี้ เพื่อตัดวงจรอาชญากรรมนี้ให้ได้อย่างเด็ดขาดต่อไป