นายกฯ ขันน็อต! สั่งเร่งใช้งบแก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้ง ชี้โครงการปี 63 คืบแค่ 5.5% พร้อมเผยผนึกกำลังกัมพูชาปราบแก๊งคอลฯ-ยาเสพติด
นครพนม – เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ณ มหาวิทยาลัยนครพนม จังหวัดนครพนม ก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสั่งการถึงประเด็นสำคัญหลายเรื่องต่อที่ประชุม
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนและตรวจเยี่ยมโครงการต่างๆ ในจังหวัดนครพนมและพื้นที่ใกล้เคียง เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา
ความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด
น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวถึงผลการเยือนประเทศกัมพูชาเมื่อสัปดาห์ก่อน ในโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต โดยได้หยิบยก 2 ประเด็นหลักหารือกับผู้นำกัมพูชา ประเด็นแรกคือความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทั้งสองประเทศยืนยันที่จะร่วมมือกัน 4 ด้าน ได้แก่
- ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อการปราบปราม
- ร่วมกันบล็อกสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตจากเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์
- ยกระดับมาตรการควบคุมชายแดนให้เข้มข้นขึ้น เพื่อป้องกันการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด
- ร่วมมือตรวจสอบคนไทยที่ทำงานในกัมพูชาให้มีใบอนุญาตถูกต้อง
นายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงแรงงาน, กรมศุลกากร, หน่วยงานความมั่นคง (ตำรวจ, ทหาร), กสทช., และบริษัทเอกชนผู้ให้บริการเครือข่าย ให้ร่วมมือกันปราบปรามปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องประสานความร่วมมือกับหลายประเทศ
เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจอาเซียน
ประเด็นที่สองที่หารือกับกัมพูชาคือ กรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคอาเซียน ในการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเพิ่มอำนาจต่อรองทางการค้ากับประเทศมหาอำนาจ ท่ามกลางการแข่งขันและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบจากนโยบายภาษีของบางประเทศ ผู้นำหลายประเทศในอาเซียนมีความเห็นตรงกันว่าสมาชิกควรร่วมมือกันเจรจาต่อรอง โดยใช้จุดแข็งร่วมกัน เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ หรือการเชื่อมโยงทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ผลการเจรจาเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกอาเซียนโดยรวม โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์รวบรวมความคิดเห็นเพื่อใช้ในการเจรจาต่อไป
เตรียมจัดประชุม JCR ไทย-กัมพูชา เดือน ก.ค. นี้
น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวถึงการตกลงกับกัมพูชาที่จะจัดประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี (Joint Cabinet Retreat – JCR) ไทย-กัมพูชา ณ จังหวัดสระแก้ว เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันบริเวณชายแดน ทั้งเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์, PM 2.5, และยาเสพติด คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของทั้งสองประเทศ
เร่งรัดการบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้งภาคอีสาน
สำหรับปัญหาในประเทศ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำในจังหวัดสกลนครและนครพนม รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ยังคงมีปัญหาการบูรณาการงาน ทำให้การบริหารจัดการน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค การเกษตร และการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งยังไม่ดีเท่าที่ควร
สิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ มีหลายโครงการด้านการบริหารจัดการน้ำที่ได้รับการอนุมัติงบประมาณตั้งแต่ปี 2563 แต่การดำเนินการยังล่าช้ามาก คิดเป็นความคืบหน้าเพียง 5.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ผ่านมาหลายปีแต่งานกลับคืบน้อยนิด
นายกรัฐมนตรีจึงขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงที่ดูแลด้านน้ำ ให้เร่งกระบวนการดำเนินงานโครงการเหล่านี้ หากติดขัดข้อกฎหมายหรือเอกสารใดๆ ให้ประสานงานกับ นพ.พรหมมินทร์ สุริยเดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งแก้ไขปัญหา และขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดโครงการที่ได้รับอนุมัติไปแล้วให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน
“เรื่องงบประมาณที่เซ็นอนุมัติไปตั้งแต่ปี 2563 ถ้าเร่งได้สักครึ่งหนึ่ง จะลดปัญหาน้ำแล้งได้อย่างชัดเจน ฉะนั้น ขอให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องดูเรื่องน้ำท่วม-น้ำแล้งว่า ติดที่อะไร งบประมาณที่ผ่านไปแล้วช่วยเอามาคลี่คลายกันหน่อยว่าสามารถจะทำได้อย่างรวดเร็วแค่ไหน” นายกรัฐมนตรีกล่าวเน้นย้ำ