นายกฯ ‘แพทองธาร’ เรียกถกเข้มสถานการณ์ชายแดนใต้ สั่งปรับแผน ‘บูรณาการ-เชิงรุก’ ย้ำดูแล ‘กลุ่มเปราะบาง’ สร้างความปลอดภัยประชาชน
นายกฯ ‘แพทองธาร’ ถกเข้มสถานการณ์ชายแดนใต้ สั่งปรับแผน ‘บูรณาการ-เชิงรุก’ ย้ำดูแล ‘กลุ่มเปราะบาง’ สร้างความปลอดภัยประชาชน
ทำเนียบรัฐบาล, 8 พฤษภาคม 2568 – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เชิญคณะผู้เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงและต่างประเทศ เข้าหารือเพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้
การประชุมดังกล่าวมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ภายหลังการหารือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ระบุถึงการประชุมในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าและสถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
รายงานจาก พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.กอ.รมน.) ได้ยืนยันถึงความจำเป็นในการปรับแผนการทำงานให้มีความบูรณาการมากยิ่งขึ้น การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า) ซึ่งประกอบด้วยกำลังพลจากทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) จะต้องมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการปฏิบัติงานในพื้นที่
นายกรัฐมนตรีได้รับทราบรายงานและได้เน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการในเชิงรุก เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสั่งการให้เพิ่มมาตรการดูแลกลุ่มเปราะบางในพื้นที่เป็นพิเศษ
ทั้งนี้ การหารือในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพื่อยกระดับการทำงานของหน่วยงานความมั่นคงให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น การปรับแผนการทำงานแบบบูรณาการและการเน้นการปฏิบัติการเชิงรุก คาดว่าจะช่วยเสริมสร้างความสงบเรียบร้อยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในระยะต่อไป
น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และพร้อมสนับสนุนการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข