พระนครศรีอยุธยา – เมื่อเวลา 13.35 น. วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 1 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้, พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)

ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ซึ่งเป็นการลำเลียงมาพักคอยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา การปฏิบัติการครั้งนี้สามารถจับกุมและยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย ยาบ้าถึง 8.7 ล้านเม็ด, ยาไอซ์ 18 กระสอบ น้ำหนักรวมกว่า 720 กิโลกรัม และเฮโรอีนอีกจำนวน 0.7 กรัม

การเข้าร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้มาร่วมติดตามและชื่นชมผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยเดินทางลงพื้นที่ติดตามผลการปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด และร่วมแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ ที่ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ที่ได้ทำงานอย่างเข้มข้นและมีประสิทธิภาพ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด ท่านกล่าวว่า ได้รับรายงานถึงผลการจับกุมยาเสพติดจำนวนมหาศาลในครั้งนี้ และได้แวะมาเพื่อให้กำลังใจ พร้อมทั้งสอบถามรายละเอียดเพื่อดูว่ามีประเด็นใดที่ต้องสนับสนุนเพิ่มเติม หรือมีโอกาสที่จะขยายผลการจับกุมเครือข่ายต่อไปได้อย่างไรบ้าง

ด้าน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวเสริมว่า ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งรัดการสืบสวนและจับกุมมาโดยตลอด

พล.ต.ท.ประจวบ ยังได้รายงานถึงภาพรวมการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีการดำเนินการไปก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายทั้งสิ้น 2,440 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหา ยึดอาวุธปืน วัตถุระเบิด และยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้รวมมูลค่ากว่า 226 ล้านบาท นอกเหนือจากการจับกุมยาเสพติดหลากหลายประเภท ทั้งยาบ้า ไอซ์ เฮโรอีน และเฟตามีน ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตรวจค้นผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยทั่วราชอาณาจักร

สำหรับคดีการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า เป็นผลมาจากการสืบสวนขยายผลโดยตรงจากการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ที่อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้ไปร่วมแถลงข่าวในครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนติดตามเครือข่ายมาอย่างต่อเนื่อง จนทราบว่าผู้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าวได้นำยาเสพติดมาพักคอยไว้ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ดำเนินการเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบริเวณบ้านเช่า และดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องต่อไป