พิชัย ชงบอร์ดเศรษฐกิจ 19 พ.ค. ไฟเขียว ‘ซอฟต์โลนออมสิน’ แสนล้าน! เยียวยาผู้ส่งออก-เอสเอ็มอี รับมือภาษีสหรัฐฯ
กรุงเทพฯ – รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกรวมถึงมาตรการภาษีจากสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า ในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ เตรียมนำเสนอมาตรการดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาล
มาตรการหลักที่จะเสนอในครั้งนี้ มุ่งเน้นการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกและธุรกิจในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่เชื่อมโยงกับการส่งออก ซึ่งกระทรวงการคลังจะใช้กลไกของสถาบันการเงินของรัฐเป็นเครื่องมือสำคัญ
หนึ่งในมาตรการเด่นคือ การเสนอให้ธนาคารออมสินออกโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำพิเศษ หรือ Soft Loan วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท โดยออมสินจะปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.01% ให้กับสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อต่อให้กับผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.5% ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการเงินให้กับธุรกิจได้อย่างมาก
นอกจากนี้ ธนาคารออมสินยังมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเดิมในกลุ่มผู้ส่งออกและซัพพลายเชนโดยตรง โดยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 2-3% จากอัตราปัจจุบัน ลูกค้าสามารถติดต่อธนาคารออมสินทุกสาขาเพื่อขอรับความช่วยเหลือนี้ได้ทันที
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ศึกษามาตรการลดอัตราดอกเบี้ยให้กับผู้ส่งออกโดยเฉพาะ โดยอาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยลง 20% จากยอดดอกเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละงวด
นายพิชัย กล่าวเสริมว่า มาตรการทางการเงินเหล่านี้ สถาบันการเงินของรัฐจะแบกรับภาระต้นทุนดอกเบี้ยเองเป็นหลัก โดยนำกำไรจากการดำเนินงานมาใช้ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ หากในอนาคตพบว่าภาระที่เกิดขึ้นหนักเกินไป อาจมีการหารือกับรัฐบาลเพื่อขอรับการอุดหนุนเพิ่มเติม
กลุ่มเป้าหมายหลักที่จะได้รับความช่วยเหลือในระยะแรกมี 6 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผู้ประกอบการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา 2. ผู้ประกอบการที่เป็นซัพพลายเชนต่อเนื่อง 3. กลุ่มผู้ผลิตสินค้าที่อาจได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 4. ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยรวม 5. ภาคอสังหาริมทรัพย์ และ 6. ภาคการท่องเที่ยว ส่วนในระยะต่อไปอาจขยายการช่วยเหลือไปยังภาคแรงงานและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังกล่าวถึงแผนการหารือกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 แห่งในเร็วๆ นี้ เพื่อขอความร่วมมือในการร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยหลักการคือการขอให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีกำไรสูง ยอมแบ่งปันกำไรส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือประชาชนและเอสเอ็มอี ซึ่งการหารือนี้จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่มาตรการของสถาบันการเงินของรัฐมีความชัดเจนและเริ่มดำเนินการแล้ว
ด้านนายวิทัย รัตนกร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ยืนยันความพร้อมในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล โดยระบุว่า สัปดาห์หน้าพร้อมเปิดให้ลูกค้าผู้ส่งออกของออมสินเข้ามาเจรจาเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ทันทีภายใน 2-3 วัน ส่วนโครงการซอฟต์โลน 1 แสนล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดเตรียมเอกสารเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคารออมสินประมาณ 3 พันล้านบาทต่อปี
นายวิทัยย้ำว่า แม้โครงการซอฟต์โลนนี้จะทำให้กำไรลดลง แต่ออมสินพร้อมบริหารจัดการเงินของธนาคารเพื่อช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้า โดยยังไม่ได้ขอใช้งบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และหากวงเงิน 1 แสนล้านบาทไม่เพียงพอ ธนาคารออมสินก็พร้อมพิจารณาเติมเม็ดเงินเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ