กรุงเทพมหานคร – เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่สังคมและสื่อมวลชนจับตามอง กรณีที่ศาลได้มีคำสั่งนัดไต่สวน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งกำหนดนัดไต่สวนในวันที่ 13 มิถุนายน เวลา 09.30 น.

นายภูมิธรรมกล่าวถึงข้อกังวลที่ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่ ‘อุบัติเหตุทางการเมือง’ หรือไม่ ว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้ แต่เท่าที่ทราบ นายทักษิณพร้อมที่จะไปตามที่ศาลนัดหมายอยู่แล้ว และดูแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีประเด็นใดที่ต้องกังวลเป็นพิเศษ

เมื่อถูกถามย้ำว่า หากผลการไต่สวนออกมาในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับที่หลายฝ่ายคาดการณ์ อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลที่กำลังบริหารประเทศอยู่หรือไม่ นายภูมิธรรมแสดงความมั่นใจว่า “ไม่มี อย่าไปคิดมาก”

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า หากผลออกมาเป็นไปในทางตรงข้าม มีความกังวลว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่หรือไม่ นายภูมิธรรมยืนยันว่า นายทักษิณมีความมั่นใจว่าท่านได้ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายและกระบวนการแล้ว ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลอะไร จะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ในส่วนของบทบาทรัฐบาล นายภูมิธรรมกล่าวย้ำว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าทำงานตามปกติ แม้ปัจจุบันบ้านเมืองจะมีปัญหามากมาย แต่การเข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคหรือวิกฤตใดเกิดขึ้น ก็ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลมีความพร้อมที่จะทำงานอยู่แล้วอย่างเต็มที่

เมื่อถามเพื่อความชัดเจนว่า ภายหลังวันที่ 13 มิถุนายนนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบันก็จะยังคงบริหารประเทศต่อไปใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบอย่างหนักแน่นว่า “ก็ยังทำงาน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” เป็นการเน้นย้ำถึงความมั่นคงและต่อเนื่องในการทำงานของรัฐบาล

สำหรับกรณีที่มีข่าวลือว่า นายทักษิณได้ขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปตั้งหลัก นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ และขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือที่ไม่เป็นจริง และมั่นใจว่ารัฐบาลยังคงทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง

คำให้สัมภาษณ์ของนายภูมิธรรมในครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวและการวิเคราะห์ถึงผลกระทบทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นจากคำสั่งศาลในประเด็นของนายทักษิณ ซึ่งนายภูมิธรรมในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำรัฐบาล ได้พยายามคลายความกังวลและยืนยันถึงเสถียรภาพของรัฐบาลชุดปัจจุบัน.