สาวช้ำ! ถูกหนุ่มเมาขับชนติดเตียง 4 เดือน ไร้เยียวยา คู่กรณีลั่น ‘อยากได้ไปฟ้องเอา’ ครอบครัวยากจนสุดแสนลำบาก

เพชรบูรณ์ – เรื่องราวสุดช้ำใจของหญิงสาววัย 40 ปี ใน จ.เพชรบูรณ์ ที่ประสบอุบัติเหตุถูกหนุ่มเมาแล้วขับชนจนบาดเจ็บสาหัส ต้องนอนติดเตียงมานานเกือบ 4 เดือน แม้จะสูญเสียเงินรักษาตัวเองไปนับแสน แต่กลับยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากคู่กรณี ทั้งยังได้ยินคำท้าให้ไปฟ้องร้อง ขณะที่ครอบครัวผู้บาดเจ็บกำลังเผชิญความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ทั้งค่ารักษาที่หมดตัว ไฟฟ้าโดนตัด และรถกำลังจะถูกยึด

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งเรื่องราวความเดือดร้อนจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งได้โพสต์ข้อความตัดพ้อว่า “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย อยากได้ไปฟ้องเอา ชายอายุ 46 ปี ขับรถชนหญิง 40 ปี บาดเจ็บสาหัส นอนติดเตียง 4 เดือน ไร้การเยียวยา ณ บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์”

ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 260/1 หมู่ที่ 18 ต.กันจุ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ เพื่อพบกับ น.ส.น้ำผึ้ง เจ็ดศร อายุ 40 ปี ผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ดังกล่าว น.ส.น้ำผึ้ง เล่าให้ฟังด้วยความยากลำบากถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 ขณะที่เธอกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากซื้อกับข้าว ทันใดนั้น รถยนต์เก๋งของนายชาคริต อายุ 46 ปี ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทใกล้เคียง ได้พุ่งออกมาจากบริษัท ชนเข้ากับแบริเออร์เกาะกลางถนนอย่างแรง ก่อนที่รถจะกระเด็นมาชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ของเธอ โชคดีที่รถยนต์คู่กรณีไม่เหยียบซ้ำร่างเธอ หลังจากตรวจสอบพบว่า นายชาคริตอยู่ในอาการมึนเมาสุราในขณะขับขี่

หลังเกิดเหตุ น.ส.น้ำผึ้ง ได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนและขาข้างซ้ายหัก นอกจากนี้ยังมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงคือ เส้นเลือดในสมองอุดตันและสมองตีบ ทำให้การผ่าตัดซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ปัจจุบันเธอต้องนอนติดเตียง ไม่สามารถลุกเดินหรือช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่รู้ว่าจะกลับมาเดินได้เป็นปกติหรือไม่

น.ส.น้ำผึ้ง กล่าวต่อว่า ในช่วงแรกหลังเกิดเหตุ คู่กรณีคือนายชาคริต ได้เดินทางมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลบ้าง แต่หลังจากมีการทำสำนวนคดีที่ สภ.บึงสามพัน และนัดไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเยียวยา ซึ่งในครั้งนั้นนายชาคริตได้ตกลงว่าจะจ่ายเงินเยียวยาให้จำนวน 70,000 บาท เขาก็ไม่เคยมาเยี่ยมอีกเลย

เวลาผ่านไปเกือบ 4 เดือน เงินเยียวยาจำนวนดังกล่าวก็ยังคงเป็นเพียงคำพูด น.ส.น้ำผึ้ง ต้องแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาลเองทั้งหมด ซึ่งเป็นเงินกว่าแสนบาทจนหมดเนื้อหมดตัว ล่าสุด น.ส.น้ำผึ้ง ทราบมาว่า นายชาคริตได้ไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานของเขาว่า หากอยากได้เงินเยียวยาก็ให้ไปฟ้องเอาเอง สร้างความเสียใจและผิดหวังให้กับเธอและครอบครัวอย่างมาก เพราะด้วยฐานะที่ค่อนข้างยากจน ไม่มีเงินพอที่จะไปว่าจ้างทนายความหรือเดินเรื่องฟ้องร้องทางกฎหมายได้

ด้านนายศรีนิล คล้ายสุบรรณ อายุ 62 ปี พ่อของ น.ส.น้ำผึ้ง ได้เล่าเรื่องราวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า รู้สึกสงสารลูกสาวมาก จากที่เคยเป็นคนแข็งแรง ทำงานเป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลพ่อแม่ และน้องๆ แต่ตอนนี้กลับต้องมานอนป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายคู่กรณียังไม่มีความรับผิดชอบ ไม่เข้ามาดูแลหรือเยียวยาตามสมควร

นายศรีนิล กล่าวเพิ่มเติมถึงความเดือดร้อนของครอบครัวว่า ตอนนี้ลำบากถึงขีดสุด จะพาลูกสาวไปหาหมอตามนัดก็ไม่มีเงิน ค่าใช้จ่ายในบ้านก็ไม่มีปัญญาจ่าย จนกระทั่งไฟฟ้าที่บ้านก็ถูกตัดยกหม้อไปแล้ว ต้องอาศัยพ่วงไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านมาใช้ชั่วคราว นอกจากนี้ รถยนต์ที่ใช้อยู่ก็กำลังจะถูกยึด เพราะไม่มีเงินผ่อนชำระ เงินเก็บทั้งหมดที่มีก็หมดไปกับการรักษาพยาบาลของลูกสาว ชีวิตตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย จากที่เคยทำไร่ทำนาก็ทำไม่ได้เพราะเงินหมดไปก่อน มองดูลูกสาวที่นอนป่วยอยู่ก็ยิ่งสงสารจับใจ

ครอบครัวของ น.ส.น้ำผึ้ง วอนขอให้นายชาคริต คู่กรณี เข้ามาพูดคุยและแสดงความรับผิดชอบเรื่องค่าเยียวยาให้สมเหตุสมผลกว่านี้ ไม่ใช่ทิ้งภาระทั้งหมดไว้ให้ฝ่ายผู้บาดเจ็บเพียงฝ่ายเดียว พร้อมทั้งเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงสามพัน เร่งดำเนินการในส่วนของคดีความ ซึ่งตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบ 4 เดือนแล้ว แต่คดีกลับยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *