พะเยา – เกิดเหตุสลดภายในครอบครัวที่อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พี่ชายวัย 48 ปี ใช้อาวุธปืนยิงน้องชายวัย 40 ปี เสียชีวิตคาที่ อ้างเป็นการป้องกันตัว หลังถูกน้องชายซึ่งอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งใช้มีดไล่ทำร้าย ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ควบคุมตัวพี่ชาย พร้อมยึดอาวุธปืนของกลาง เร่งสอบสวนสาเหตุที่แท้จริงและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 23 เมษายน 2568 พันตำรวจโท วิโรจน์ โครงกาพย์ รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรจุน จังหวัดพะเยา ได้รับแจ้งจากสายตรวจตำบลห้วยยางขาม ว่าเกิดเหตุใช้อาวุธปืนยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บริเวณบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลห้วยยางขาม อำเภอจุน จังหวัดพะเยา หลังรับแจ้ง จึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยนรสิงห์จุน

ที่เกิดเหตุ บริเวณลานหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่พบร่างผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อต่อมาคือ นายภัทรสรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุประมาณ 40 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณศีรษะ โดยในที่เกิดเหตุ พบนายวุฒิชัย (สงวนนามสกุล) อายุประมาณ 48 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้ได้รับบาดเจ็บ ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยแสดงตัวว่าเป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงนายภัทรสรณ์

นายวุฒิชัย ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดอาวุธปืนของกลางที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งถูกนำไปเก็บไว้ที่บริเวณห้องเก็บของหลังบ้านพัก

ต่อมา ได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลจุนว่า นายภัทรสรณ์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทางพนักงานสอบสวน จึงได้ประสานงานกับแพทย์เวรของโรงพยาบาลจุน เพื่อร่วมกันทำการชันสูตรพลิกศพของนายภัทรสรณ์ ในเบื้องต้น เพื่อรวบรวมหลักฐานและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายวุฒิชัย ผู้ก่อเหตุ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้เสียชีวิตคือนายภัทรสรณ์ มีศักดิ์เป็นน้องชายแท้ๆ ของตน ก่อนเกิดเหตุ น้องชายได้มีอาการคลุ้มคลั่ง และถืออาวุธมีดเข้ามาไล่ทำร้ายตนเอง ตนจึงจำเป็นต้องป้องกันตัว โดยได้ใช้อาวุธปืนที่เตรียมไว้ ยิงสวนออกไป เพื่อหยุดยั้งการทำร้าย จนทำให้นายภัทรสรณ์ ล้มลงและแน่นิ่งไป จากนั้นตนจึงไม่ได้หลบหนีไปไหน และได้ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนนายวุฒิชัย อย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงสอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์ (ถ้ามี) และรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อคลี่คลายคดีนี้อย่างละเอียด