ปคม. ตามรวบ ‘อดีตพระ’ หนีคดีข่มขืนเด็ก 13 นาน 15 ปี ได้ที่วัดป่ากาฬสินธุ์
กาฬสินธุ์ – กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เปิดปฏิบัติการเข้าจับกุมอดีตพระภิกษุ หลังหลบหนีคดีข่มขืนเด็กหญิงวัย 13 ปี นานถึง 15 ปี โดยผู้ต้องหาใช้เงินและขนมล่อลวงเหยื่อภายในห้องน้ำวัด ก่อนลงมือก่อเหตุสุดเหี้ยม
รายงานข่าวจากกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผู้บังคับการ ปคม. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการ ปคม. และ พ.ต.ท.เกียรติบดินทร์ วงค์งาม สารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการ ปคม. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เข้าทำการจับกุมตัว นายจรูญ (สงวนนามสกุล) หรืออดีตพระภิกษุจรูญ อายุ 59 ปี ได้ภายในวัดป่าแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ เป็นไปตามหมายจับของศาลอาญา ที่ จ.602/2553 ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2553
คดีนี้สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2553 ขณะที่นายจรูญยังคงเป็นพระภิกษุ และจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ในช่วงเวลานั้น เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) ซึ่งมีอายุเพียง 13 ปี และยังคงเป็นนักเรียนของโรงเรียนที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงวัด มักจะเข้ามาเล่นภายในบริเวณวัดเป็นประจำ นายจรูญได้อาศัยโอกาสนี้ในการเข้าตีสนิทกับเด็กหญิง โดยมักจะนำเงินและขนมมามอบให้บ่อยครั้ง ทำให้เด็กหญิงเกิดความคุ้นเคยและไว้เนื้อเชื่อใจ
ต่อมาในวันเกิดเหตุ นายจรูญได้เรียกเด็กหญิงเข้ามาหาที่วัดตามปกติ โดยยังคงมอบเงินและขนมให้ แต่ในครั้งนี้กลับใช้กลอุบายล่อลวงเด็กหญิงให้เข้าไปเอาขนมภายในห้องน้ำที่อยู่ภายในบริเวณวัด เมื่อเด็กหญิงหลงเชื่อเข้าไปตามลำพัง นายจรูญก็ได้ใช้กำลังบังคับและกระทำชำเราเด็กหญิงอย่างโหดเหี้ยม
หลังจากก่อเหตุแล้ว นายจรูญยังได้ข่มขู่เด็กหญิงอย่างหนักแน่น กำชับไม่ให้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปบอกเล่าให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือบุคคลอื่นใดได้รับทราบ พร้อมทั้งข่มขู่ว่าหากไม่ปฏิบัติตามจะไม่ยอมให้เงินไปโรงเรียนอีกต่อไป ด้วยความหวาดกลัว เด็กหญิงจึงไม่กล้าที่จะปริปากบอกใครเรื่องราวที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของเด็กหญิงได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากเด็กที่เคยร่าเริงแจ่มใส กลับกลายเป็นคนเงียบขรึม เก็บตัว และมีอาการซึมเศร้าผิดปกติ ผู้เป็นแม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติในตัวลูกสาว จึงพยายามเค้นสอบถาม จนกระทั่งเด็กหญิงตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวที่ถูกกระทำทั้งหมด เมื่อทราบความจริง ผู้เป็นแม่ก็รีบพาลูกสาวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรหนองเรือทันที
เมื่อนายจรูญทราบข่าวว่าผู้ปกครองของเด็กหญิงได้เข้าแจ้งความและกำลังจะถูกจับกุม ก็รีบเก็บข้าวของและหลบหนีออกจากวัดทันที โดยได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ตามวัดต่างๆ ทั้งวัดในเมืองและวัดป่า เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปีที่ผ่านมา
จนกระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. สามารถแกะรอยและติดตามจับกุมตัวนายจรูญได้ในที่สุด แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานถึง 15 ปีก็ตาม เบื้องต้น นายจรูญยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายจรูญไปทำการสึกจากการเป็นพระภิกษุก่อนจะควบคุมตัว ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.