รัฐสภาของบฯ ปรับปรุงกว่า 956 ล้านบาท จุดกระแสวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว
กรุงเทพฯ – ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะเปิดการประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ประเด็นหนึ่งที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง คือกรณีที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอขอตั้งงบประมาณรวม 956 ล้านบาท สำหรับโครงการปรับปรุงพื้นที่ต่างๆ ภายในอาคารรัฐสภา
รายงานข่าวระบุว่า งบประมาณดังกล่าวถูกเสนอขอเพื่อใช้ใน 10 โครงการหลัก ได้แก่:
- ก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่พิพิธภัณฑ์รัฐสภา (รวมค่าจ้างที่ปรึกษา) วงเงิน 44 ล้านบาท
- พัฒนาระบบภาพยนตร์ 4D ห้องบรรยายใหญ่ B1-2 วงเงิน 180 ล้านบาท
- ปรับปรุงไฟส่องสว่างเพิ่มเติมบริเวณห้องประชุมสัมมนาชั้น B1 และ B2 วงเงิน 117 ล้านบาท
- ปรับปรุงศาลาแก้ว 2 หลัง วงเงิน 123 ล้านบาท
- ปรับปรุงห้องประชุม วงเงิน 118 ล้านบาท
- ปรับปรุงพื้นที่ครัวของอาคารรัฐสภา วงเงิน 117 ล้านบาท
- ติดตั้งภาพและเสียงประจำห้องจัดเลี้ยง ชั้น B2 วงเงิน 99 ล้านบาท
- จัดซื้อจอ LED Display วงเงิน 72 ล้านบาท
- พัฒนาปรับปรุงพื้นที่ส่วนภูมิทัศน์และผลิตปุ๋ยอินทรีย์ วงเงิน 43 ล้านบาท
- ปรับปรุงห้องจัดเลี้ยงชั้น 1 โซน C วงเงิน 43 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีอีก 5 โครงการที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ทำคำขอไปแล้ว แต่วงเงินรวม 1,817 ล้านบาท ยังไม่ได้รับการจัดสรรจากคณะรัฐมนตรี
ประเด็นการขอตั้งงบประมาณปรับปรุงอาคารรัฐสภาจำนวนมากนี้ ได้รับความสนใจและถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมอย่างกว้างขวาง ทั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงข้าราชการรัฐสภา และประชาชนในสังคม เนื่องจากอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เพิ่งเปิดใช้งานมาได้ไม่ถึง 6 ปี และเพิ่งได้รับการส่งมอบการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ 100% เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2566 ที่ผ่านมา
การเสนอขอใช้งบประมาณก้อนใหญ่เพื่อปรับปรุงพื้นที่ในช่วงที่อาคารยังถือว่าใหม่มาก และในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังชะลอตัว ถูกมองว่าเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์และอาจกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนผู้เสียภาษี ที่ต้องการเห็นการใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลว่า หากการจัดสรรงบประมาณสำหรับหน่วยงานของรัฐสภาเองถูกมองว่าไม่สมเหตุสมผล อาจส่งผลกระทบต่อศรัทธาและความน่าเชื่อถือของรัฐสภาในการทำหน้าที่หลักคือการตรวจสอบและกลั่นกรองการจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ทั่วประเทศ
ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีหน้าที่ที่จะต้องร่วมกันตรวจสอบรายละเอียดของงบประมาณที่แต่ละหน่วยงานเสนอขอ รวมถึงงบประมาณของรัฐสภาเอง อย่างละเอียดรอบคอบ ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่กำลังจะมาถึง หากพบว่าโครงการใดยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน หรืออยู่นอกเหนือนโยบายและแผนงานที่สำคัญ ก็ควรพิจารณาปรับลดงบประมาณในส่วนนั้นลง เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเพื่อพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า รัฐสภาพร้อมที่จะตรวจสอบงบประมาณของตนเอง เช่นเดียวกับการตรวจสอบงบประมาณของหน่วยงานอื่นๆ อย่างโปร่งใสและรับผิดชอบต่อเงินภาษีของประชาชน.