ผช.เลขาฯ ประธานรัฐสภา แจงเดือด! ถูกมิจฉาชีพต่างชาติปลอมชื่อ-ภาพ หลอกลงทุนออนไลน์ เตือนเหยื่อแจ้งความ ตร. ชี้คนร้องเรียนไร้หลักฐานเจอฟ้องกลับ
ผช.เลขาฯ ประธานรัฐสภา แจงเดือด! ถูกมิจฉาชีพต่างชาติปลอมชื่อ-ภาพ หลอกลงทุนออนไลน์ เตือนเหยื่อแจ้งความ ตร. ชี้คนร้องเรียนไร้หลักฐานเจอฟ้องกลับ
รัฐสภา, 6 พฤษภาคม 2568 – นายฐาคณิษฐ์ พรทองประเสริฐ ผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภา ได้ออกแถลงข่าว ณ รัฐสภา เพื่อชี้แจงกรณีที่มีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา อ้างว่าตนเองมีพฤติกรรมหลอกลวงชักชวนให้ลงทุนและวิธีการอื่นๆ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียหายจำนวนหลายราย
นายฐาคณิษฐ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าเรื่องดังกล่าวเกิดจากการที่กลุ่มมิจฉาชีพได้นำชื่อและภาพถ่ายของตนไปสร้างเป็นบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมขึ้นมามากกว่า 30 บัญชี เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชนในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีผู้หลงเชื่อและโอนเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านั้นไปแล้วหลายครั้ง
“เมื่อผมทราบเรื่อง ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ” นายฐาคณิษฐ์ กล่าว พร้อมระบุว่า ได้ดำเนินการแจ้งความต่อสถานีตำรวจนครบาลบึงกุ่ม ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2566 และอีกครั้งในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 นอกจากนี้ยังได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อกองบังคับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าของคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบนั้น ได้มีการแจ้งผลการตรวจสอบล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ระบุว่า ให้งดการสอบสวน เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลของผู้ให้บริการได้ เพราะมีถิ่นที่อยู่ต่างประเทศ ทำให้ไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิดที่แท้จริง
จากผลการตรวจสอบดังกล่าว นายฐาคณิษฐ์ สันนิษฐานว่า กลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดนี้น่าจะเป็นชาวต่างชาติ เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ในประเทศ ในการตรวจสอบบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่ถูกแอบอ้าง พบว่าบางบัญชีมีการสะกดชื่อหรือนามสกุลของตนผิดพลาด และบางบัญชีแม้จะมีชื่อที่ถูกต้องแต่กลับใช้รูปภาพของบุคคลอื่น ซึ่งในส่วนของคดีที่ผู้เสียหายบางรายเคยแจ้งความดำเนินคดีกับตนโดยเข้าใจผิดนั้น หลังจากได้มีการทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่สถานีตำรวจแล้ว ผู้เสียหายเหล่านั้นก็ได้ถอนแจ้งความออกไป
นายฐาคณิษฐ์ ย้ำถึงแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพนี้ว่า หากมีผู้เสียหายรายใด ขอแนะนำให้ดำเนินการติดตามทวงถาม หรือแจ้งความกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น สถานีตำรวจในพื้นที่ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตามกฎหมายดำเนินการออกหมายเรียก หรือหมายจับตามขั้นตอน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมากกว่าการมายื่นเรื่องร้องเรียนกับตนหรือหน่วยงานต่างๆ ในรัฐสภา ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยในการติดตามคดีแล้ว ยังทำให้ตนเองได้รับความเสียหายและเสียชื่อเสียง ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดใดๆ
ในช่วงท้ายของการแถลง นายฐาคณิษฐ์ ได้กล่าวเตือนว่า หากปรากฏข้อเท็จจริงว่ายังคงมีผู้เสียหายรวมตัวกันยื่นเรื่องร้องเรียนตนอีก โดยพบว่าเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ที่เชื่อมโยงตนเข้ากับการกระทำความผิด ตนก็จำเป็นต้องใช้สิทธิทางกฎหมายเพื่อปกป้องตนเองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อไปอย่างเด็ดขาด