ปากีสถานลั่น ‘อินเดียต้องชดใช้’ ขู่ตอบโต้หนัก หลังถูกโจมตีในแคชเมียร์ ยันยิงเครื่องบินรบอินเดียตก 5 ลำ
อิสลามาบัด, ปากีสถาน – ความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถาน ซึ่งเป็นสองมหาอำนาจติดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียใต้ ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงในวันนี้ (8 พ.ค. 2568) หลังกองทัพอินเดียระบุว่าได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ 9 แห่งของดินแดนแคชเมียร์ที่ปกครองโดยปากีสถาน เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าวถูกทางการปากีสถานประณามอย่างรุนแรง และประกาศว่าจะตอบโต้กลับอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ปากีสถานยังอ้างว่าสามารถยิงเครื่องบินรบของอินเดียตกได้ถึง 5 ลำ ซึ่งหากเป็นจริง จะถือเป็นการปะทะทางทหารที่เลวร้ายที่สุดของทั้งสองประเทศในรอบกว่า 2 ทศวรรษ
ขณะเดียวกัน ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ทางการอินเดียได้เรียกคณะทูตจากหลายสิบประเทศเข้าชี้แจงสถานการณ์ พร้อมทั้งส่งสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนว่า “หากปากีสถานตอบโต้ อินเดียก็จะตอบโต้” เป็นการยืนยันจุดยืนที่พร้อมเผชิญหน้า ทำให้เกิดความหวาดกังวลอย่างยิ่งว่าจะเกิดความขัดแย้งทางทหารครั้งใหญ่ในภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นและครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
นายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ ผู้นำปากีสถาน ได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ โดยกล่าวโทษอินเดียอย่างรุนแรงสำหรับการโจมตีครั้งนี้
“สำหรับความผิดพลาดที่อินเดียทำเมื่อคืนนี้ อินเดียจะต้องชดใช้” นายชารีฟกล่าวอย่างหนักแน่น
นายกรัฐมนตรีปากีสถานยังเสริมว่า อินเดียอาจจะคิดว่าปากีสถานจะล่าถอย แต่พวกเขาลืมไปว่านี่คือประเทศของผู้กล้าหาญที่พร้อมจะต่อสู้เพื่อปกป้องมาตุภูมิ และยืนยันว่ากองทัพอากาศปากีสถานได้แสดงศักยภาพในการป้องกันประเทศด้วยการยิงเครื่องบินของอินเดียตกไปหลายลำ
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ทางการอินเดียยังไม่มีการยืนยันหรือปฏิเสธรายงานเกี่ยวกับการถูกยิงเครื่องบินตกดังกล่าวแต่อย่างใด ด้านโฆษกกองทัพปากีสถานเปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ว่า มีพลเรือนชาวปากีสถานเสียชีวิตอย่างน้อย 31 ราย และอีก 46 รายได้รับบาดเจ็บ ปากีสถานให้คำมั่นที่จะตอบโต้ “ในเวลา สถานที่ และวิธีที่เลือก เพื่อแก้แค้นการสูญเสียชีวิตของชาวปากีสถานผู้บริสุทธิ์ รวมถึงการละเมิดอธิปไตยอย่างโจ่งแจ้ง”
พร้อมกันนี้ ทางการปากีสถานยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาของอินเดียที่ระบุว่ามีค่ายของกลุ่มติดอาวุธอยู่ในดินแดนของตน ยืนกรานว่าสถานที่ที่อินเดียโจมตีนั้นไม่มีค่ายผู้ก่อการร้ายเลย ด้านกระทรวงกลาโหมของปากีสถานแถลงว่าจะไม่ทำร้ายพลเรือน และจะพุ่งเป้าโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารของอินเดียเท่านั้น หากจำเป็นต้องตอบโต้
ทางการปากีสถานยังได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ในช่วงเวลาที่อินเดียทำการโจมตี มีเครื่องบินพาณิชย์ถึง 57 ลำกำลังบินอยู่เหนือปากีสถาน ซึ่งรวมถึงสายการบินจากประเทศต่างๆ เช่น ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ไทย เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตผู้คนหลายพันคนบนเครื่องบินเหล่านั้น
สถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ตอกย้ำถึงความเปราะบางของภูมิภาคแคชเมียร์ และสร้างความกังวลอย่างยิ่งต่อประชาคมโลกถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทะทางทหารขนาดใหญ่ระหว่างสองประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง