ไพบูลย์ ลั่น มติแพทยสภา หลักฐานสำคัญ ชี้ชะตา ‘ทักษิณ’ วันไต่สวน 13 มิ.ย. ย้ำ ไม่ป่วยจริง เท่ากับยังไม่รับโทษ
กรุงเทพมหานคร – 9 พฤษภาคม 2568 – นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาถึงกรณีมติของแพทยสภาที่ได้มีการลงโทษแพทย์ 3 ราย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยนายไพบูลย์เชื่อว่ามติดังกล่าวจะเป็นหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่ข้อยุติในการไต่สวนของศาลที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายนนี้
นายไพบูลย์กล่าวว่า หัวใจสำคัญของคำแถลงจากแพทยสภาคือ การวินิจฉัยอย่างชัดเจนว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤตจริง ซึ่งจากข้อสรุปนี้ ทำให้เชื่อได้ว่านายทักษิณยังไม่ได้เข้ารับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ได้ตัดสินไว้
“เมื่อแพทยสภาซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพโดยตรงได้วินิจฉัยแล้วว่าไม่ได้ป่วยวิกฤตจริง ผู้ที่ถูกเรียกไปให้การต่อศาลในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ก็ไม่สามารถที่จะยืนยันว่านายทักษิณป่วยวิกฤตได้ เพราะหากให้การเช่นนั้น จะถือเป็นการให้การเท็จต่อศาล ซึ่งมีโทษตามกฎหมาย” นายไพบูลย์กล่าวและเสริมว่า แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะยังไม่ได้ลงนามในมติของแพทยสภา แต่ผลของการวินิจฉัยโดยแพทยสภาก็ถือว่ามีผลทางวิชาชีพแล้ว
เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐย้ำว่า มติของแพทยสภานี้เป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากที่สุด ที่จะช่วยให้การไต่สวนในวันที่ 13 มิถุนายน มีความชัดเจนและได้ข้อยุติที่ถูกต้องที่สุดตามข้อเท็จจริง ส่วนตัวเขามั่นใจว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแล้วว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤตจริง ย่อมหมายความว่า กรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลอย่างครบถ้วน และเชื่อว่านายทักษิณจะต้องเผชิญกับปัญหาตามมาอย่างแน่นอน
เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอาจจะมีความผิดเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นายไพบูลย์ชี้แจงว่า ในชั้นนี้ยังไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี เพราะกระบวนการส่งเรื่องให้รัฐมนตรีเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบตามกฎหมาย เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น แต่รัฐมนตรีไม่สามารถที่จะมีความรู้หรือวินิจฉัยเรื่องอาการป่วยวิกฤตได้ดีไปกว่าแพทยสภาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
สถานการณ์นี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากทุกฝ่าย และคาดว่าการไต่สวนในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในคดีของนายทักษิณ ชินวัตร