เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม เวลา 08.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT ถึงประเด็นเรื่องโครงการพัฒนา “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ว่า เงินลงทุนที่จะเข้ามาในโครงการนี้จะไม่ใช่เงินจากรัฐบาล หรือเงินภาษีของประชาชน แต่เป็นเงินก้อนใหญ่จากเอกชนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเงินลงทุนเหล่านี้จะช่วยเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีให้กับรัฐได้

น.ส.แพทองธาร กล่าวเน้นย้ำว่า การสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะดำเนินการตามโมเดลของประเทศสิงคโปร์ ไม่ได้มองว่าเป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับกาสิโนเท่านั้น แต่ต้องการให้เป็นศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร ที่มีสถานที่จัดงาน จัดคอนเสิร์ต และโรงแรมรวมอยู่ด้วย โดยในส่วนของกาสิโนนั้น จะต้องมีมาตรฐานระดับสากลโลก และยึดหลัก Gamble responsibly หรือการพนันอย่างมีความรับผิดชอบ

เธอยังระบุถึงกฎเกณฑ์และขั้นตอนที่เข้มงวด โดยชี้ว่าไม่ใช่ใครจะเดินเข้าไปเล่นได้ง่ายๆ แต่จะต้องมีการตรวจสอบประวัติ ซึ่งรวมถึงประวัติอาชญากรรม และมีการตรวจสอบสถานะทรัพย์สินของผู้ที่ต้องการเข้าใช้บริการ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จำเป็นและปฏิบัติกันในหลายประเทศทั่วโลก

“คนที่เข้ามาประวัติต้องมี ทรัพย์สินต้องมี” น.ส.แพทองธาร กล่าว พร้อมชี้ว่าบางครั้งประเด็นนี้ถูกนำไปบิดเบือนทางการเมือง เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นแหล่งอบายมุข ซึ่งไม่เป็นความจริง

เธอยกตัวอย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เช่น สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งประเทศเหล่านี้ได้ก้าวเข้าสู่เทรนด์โลกในด้านนี้แล้ว เพราะต้องการสร้าง “man made” หรือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพิ่มเติม

น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงตัวอย่างจากประเทศญี่ปุ่น ที่เกาะซึ่งเคยจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปที่โอซาก้า กำลังจะถูกพัฒนาให้เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หลังจบงานในปี 2030 ซึ่งเป็นตัวอย่างของการสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่คนไทยมักจะเห็นจากต่างประเทศและอยากให้มีในบ้านเรา

เธอมองว่าโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นี้คือโอกาสของประเทศไทยที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่การจ้างงานคนไทยจำนวนมาก และจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยไม่มีคำว่า “โลว์ซีซัน” อีกต่อไป