ป้าบุรีรัมย์ โต้ข่าวฉาว! ยันไม่ได้คลั่งลัทธิ ไม่ได้บังคับผัวกินเจจนตาย ลั่นพี่สาวใส่ร้าย
บุรีรัมย์ – จากกรณีที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ หลังจากมีผู้โพสต์ภาพบ้านที่ทรุดโทรมของหญิงสูงวัยรายหนึ่งในพื้นที่ ต.ไทยสามัคคี อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมระบุข้อมูลที่น่าเวทนา จนหน่วยงานท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องเข้าตรวจสอบ ก่อนที่พี่สาวของเจ้าของบ้านจะให้ข้อมูลว่า น้องสาวได้รับเงินช่วยเหลือจากลูกๆ แต่กลับนำเงินไปบริจาคให้สถานธรรมแห่งหนึ่งที่ อ.ลำปลายมาศ และเคยบังคับสามีที่ป่วยให้กินเจจนเสียชีวิตเนื่องจากขาดสารอาหารรุนแรงนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 นางบุญเรียน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี เจ้าของบ้านที่ปรากฏในภาพ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดที่พี่สาวให้ข้อมูล โดยระบุว่า สถานธรรมที่ตนนับถือ เป็นสถานที่ที่ต้องการให้โลกเกิดความสันติสุข สอนให้คนเป็นคนดี ไม่ได้สร้างภาพพจน์ หรือหลอกลวงใครตามที่ถูกกล่าวอ้าง
นางบุญเรียนยอมรับว่า รู้สึกเสียใจมากที่ได้ทราบข่าวว่าพี่สาวเป็นคนพูดเรื่องต่างๆ เหล่านี้ออกไป โดยเฉพาะเรื่องการบังคับสามีให้กินเจจนเสียชีวิตนั้น ไม่เป็นความจริงเลย พี่สาวเป็นคนใส่ร้ายป้ายสีตน ทั้งที่ตนคอยช่วยเหลือพี่สาวมาโดยตลอด แม้กระทั่งตอนสามีของตนเสียชีวิต พี่สาวก็ยังพยายามให้ตนจัดการเคลียร์บ้านให้สะอาด
เธอกล่าวต่อไปว่า ประมาณ 12 ปีที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปสมัครเป็นลูกศิษย์ที่สถานธรรมแห่งนี้ และได้ศึกษาเรื่องการกินเจ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ตนถือศีล 5 และกินเจมาตลอด แต่ไม่เคยบังคับสามีแต่อย่างใด การกินเจถือเป็นเรื่องของรากบุญที่ตนทำ
ส่วนประเด็นเรื่องการนำเงินไปบริจาคนั้น นางบุญเรียนยอมรับว่า ตนบริจาคเงินช่วยเหลือสถานธรรมจริง แต่ทำไปตามกำลังที่มีคือ มีน้อยให้ตามน้อย มีมากให้ตามมาก พร้อมกล่าวว่า การที่เรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเพราะมีคนอิจฉาริษยา ส่วนสถานที่ที่ตนไปบำเพ็ญนั้นมีอยู่หลายที่ ทั้งที่ อ.ลำปลายมาศ และ อ.หนองหงส์ รวมถึงสถานธรรมแห่งนี้มีอยู่ทั่วโลกและทั่วประเทศไทย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาต่อต้านตนเพียงคนเดียว แต่ตนก็ไม่สนใจ เพราะตนทำหน้าที่ของตน
สำหรับกรณีการเสียชีวิตของสามี นางบุญเรียนยืนยันว่า สามีเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวหลายโรค ไม่ใช่เพราะการกินเจ ยอมรับว่าในตอนที่สามีเสียชีวิต ตนได้ขอไม่ให้ญาติพี่น้องนำเนื้อสัตว์มาเลี้ยงภายในงาน ซึ่งทำให้เกิดความเห็นไม่ตรงกัน ตนจึงตัดสินใจนำศพสามีไปทำพิธีที่วัดใน อ.ลำปลายมาศแทน
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสถานธรรมสาขาแม่ใน อ.ลำปลายมาศ ซึ่งเป็นสถานธรรมขนาดค่อนข้างใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลลำปลายมาศ มีอาณาบริเวณกว้างขวางสามารถรองรับสมาชิกได้จำนวนมาก ภายในมีการตั้งเครื่องรางหลายจุด และมีป้ายรายนามผู้บริจาคติดตั้งอยู่ แต่ทางเจ้าของสถานธรรมยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวในขณะนี้