เฉลยแล้ว! นักวิทย์ไขปริศนา ‘แมวส้ม’ สีแสบซ่าเกิดจาก ‘ยีน’ ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ

เฉลยแล้ว! นักวิทย์ไขปริศนา ‘แมวส้ม’ สีแสบซ่าเกิดจาก ‘ยีน’ ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ

วันที่ 18 พฤษภาคม 2568

จากความสงสัยที่คนรักแมวทั่วโลกมีร่วมกันมานาน เกี่ยวกับที่มาของสีขนส้มอันเป็นเอกลักษณ์และความแสบซ่าของ "แมวส้ม" ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ได้ไขปริศนานี้แล้ว เผยว่าต้นกำเนิดของสีส้มนั้นมาจากปัจจัยทางพันธุกรรมที่ซับซ้อน ไม่ใช่แค่เรื่องของอาหารการกิน หรือการได้รับแสงแดดแต่อย่างใด

สื่อต่างประเทศรายงานถึงผลการศึกษาล่าสุด ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากกลุ่มคนรักแมวทั่วโลก ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสองสถาบันชั้นนำ ได้แก่ มหาวิทยาลัยคิวชู ประเทศญี่ปุ่น และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้ร่วมมือกันทำการวิจัยเพื่อค้นหาคำตอบที่อยู่เบื้องหลังสีขนโทนส้มอันโดดเด่นของเหล่าเหมียวส้ม

จากการศึกษาอย่างละเอียด ทีมนักวิจัยค้นพบว่า สีส้มของแมวนั้นมีต้นกำเนิดมาจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นในส่วนหนึ่งของรหัสทางพันธุกรรมที่หายไป ซึ่งอยู่ในยีนที่มีชื่อว่า ARHGAP36 ยีนนี้ปกติแล้วมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการแสดงออกของเม็ดสีในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทั้งในส่วนของผิวหนัง ดวงตา และขน แต่ในแมวสีส้ม กลับพบว่ายีน ARHGAP36 มีส่วนที่ขาดหายไป

ผลจากความผิดปกติดังกล่าว ทำให้เซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocytes) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดสีให้กับร่างกายของแมว ทำงานอย่างเข้มข้นมากกว่าปกติในบริเวณที่มีการขาดหายไปของยีน ARHGAP36 นำไปสู่การผลิตเม็ดสีในโทนสีที่อ่อนกว่า ซึ่งปรากฏออกมาเป็นสีขนโทนส้มอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อสีตาและสีผิวหนังที่มักจะจางกว่าแมวสีอื่น ๆ

การค้นพบนี้ยังให้คำตอบสำหรับข้อสังเกตยอดนิยมของคนเลี้ยงแมวทั่วโลก นั่นคือ "ทำไมแมวส้มส่วนใหญ่จึงเป็นเพศผู้" นักวิทยาศาสตร์พบว่าสาเหตุสำคัญมาจากยีน ARHGAP36 นี้เอง ซึ่งเป็นยีนที่อยู่บนโครโมโซม X

ในแมวเพศผู้ ซึ่งมีโครโมโซมเพศเป็น XY การที่ยีน ARHGAP36 บนโครโมโซม X เพียงแค่ข้างเดียวขาดรหัสพันธุกรรมบางส่วน ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ทำงานผิดปกติจนแสดงสีส้มออกมาได้ ทำให้แมวตัวนั้นกลายเป็นแมวส้ม

แต่สำหรับแมวเพศเมีย ซึ่งมีโครโมโซมเพศเป็น XX การที่จะแสดงสีส้มอย่างเต็มตัว จำเป็นต้องมีความผิดปกติแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นในยีน ARHGAP36 บนโครโมโซม X ทั้งสองชุดพร้อมกัน ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากกว่ามาก

ด้วยเหตุนี้ แมวเพศเมียที่มียีน ARHGAP36 ผิดปกติเพียงข้างเดียว จึงมักจะไม่ใช่แมวส้มล้วน แต่จะแสดงสีผสมออกมา เช่น ขนส้มสลับดำ หรือมีลวดลายแบบกระด่าง (Calico หรือ Tortoiseshell) แทน

ศาสตราจารย์ฮิโรยูกิ ซาซากิ นักพันธุศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยคิวชู ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้าทีมวิจัย เปิดเผยถึงเบื้องหลังโครงการนี้ว่า "ผมเริ่มต้นโครงการนี้ขึ้นมา ด้วยความตั้งใจที่จะต่อสู้กับโรคแปลกประหลาดในแมวที่ยังหาคำตอบไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ พร้อมกับทำหน้าที่ในฐานะ ‘ทาสแมวผู้ภักดี’ อย่างสุดหัวใจ"

ภาพประกอบ: ศาสตราจารย์ฮิโรยูกิ ซาซากิ / มหาวิทยาลัยคิวชู

ทีมนักวิจัยกล่าวว่า พวกเขากำลังเตรียมเดินหน้าศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของยีน ARHGAP36 ที่มีต่อสุขภาพโดยรวมของแมวส้ม รวมถึงหน้าที่ทางชีวภาพอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น การพัฒนาของระบบประสาทและสมอง

การค้นพบนี้ตอกย้ำว่า สีขนของแมวส้มนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของสุนทรียภาพ แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับรหัสทางพันธุกรรม ซึ่งอาจนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพและพฤติกรรมของพวกมัน โดยเฉพาะพฤติกรรมสุดเปิ่นที่หลายคนสังเกตเห็นจนเกิดเป็นมุกตลกในหมู่คนเลี้ยงแมวที่ว่า "แมวส้มทั่วโลก มักทำตัวเบลอ ๆ เหมือนคิดไม่ทัน บางทีก็ดูงง ๆ เหมือนใช้สมองร่วมกันแค่เซลล์เดียว แล้วสลับกันใช้ทีละตัว"

นอกจากนี้ งานวิจัยยังชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงที่น่าสนใจ โดยในมนุษย์ ยีน ARHGAP36 มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น อาการผมร่วง และอาจไปไกลถึงมะเร็งผิวหนัง ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ายีนนี้อาจมีบทบาทสำคัญบางประการที่ยังไม่ถูกค้นพบในแมวเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นหัวข้อที่ต้องมีการศึกษาต่อไปในอนาคต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *