กรุงเทพฯ – บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 ที่แข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 4,380 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 46% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนถึงศักยภาพการฟื้นตัวและการเติบโตของธุรกิจในทุกกลุ่ม

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ว่า บริษัทมีรายได้ขายและบริการรวม 182,422 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 3,482 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 4,380 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 46% จากไตรมาสที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ EBITDA ที่ทำได้ 6,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,597 ล้านบาท หรือ 32.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยการเติบโตนี้มาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Mobility ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก มีผลการดำเนินงานดีขึ้น 39.6% โดยเป็นผลมาจากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ดีขึ้น ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ก็เติบโต 9.8% ซึ่งมาจากการขยายตัวของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจอื่นๆ ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global มีการเติบโตโดดเด่นถึง 30.8% สาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของผลประกอบการในประเทศฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ ภาพรวมของค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิยังปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อผลกำไรโดยรวม

ในช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา OR ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม Health & Beauty ล่าสุดได้ขยายเครือข่ายร้าน found & found เพิ่มเป็น 10 สาขา ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในระยะยาว โดยปีนี้มีการเปิดสาขาใหม่ที่ PTT Station พระรามสี่, The Glass Market บางนา และเดอะมอลล์ บางแค พร้อมตั้งเป้าหมายขยายสาขาให้ครบ 50 แห่งภายในปี 2569

นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจและลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและสนับสนุนกลยุทธ์การสร้างการเติบโตในธุรกิจ Lifestyle ในอนาคต

ในส่วนของธุรกิจในต่างประเทศ OR ได้เปิด Café Amazon Concept Store แห่งแรกในประเทศกัมพูชา ซึ่งนำเสนอเมนูเครื่องดื่มและอาหารที่รังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวกัมพูชาโดยเฉพาะ การลงทุนนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด “They Grow – We Grow” ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่ OR ใช้ในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนร่วมกับประเทศเจ้าบ้าน

ล่าสุด OR ยังได้รับข่าวดี โดยได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AA+” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS) ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิตคงที่ (Stable) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 การจัดอันดับนี้ตอกย้ำถึงความสามารถของ OR ในการบริหารจัดการสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดค้าปลีกน้ำมันของประเทศไทย

สำหรับทิศทางในอนาคต OR จะยังคงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรอย่างรอบด้าน ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งมองหาโอกาสต่อยอดทางธุรกิจและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยมีแผนที่จะผนวกผลิตภัณฑ์และการบริการทางการเงินของ Virtual Bank เข้ามา เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น และเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว