กรุงเทพฯ – วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำโดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์, พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม, พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.), พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 (ผบก.น.9) และคณะผู้กำกับการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการครั้งสำคัญในการกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้า

ผลการปฏิบัติการที่เรียกว่า “Operation Smoke Out EP.2” นำไปสู่การทลายแหล่งจัดเก็บและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ในพื้นที่ย่านฝั่งธนบุรี สามารถตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมกันกว่า 140,000 รายการ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจและมูลค่าของกลางรวมกว่า 70,000,000 บาท

การดำเนินการครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ. ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจน พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดำเนินการกวาดล้างและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ปฏิบัติการ “Operation Smoke Out EP.2” สืบเนื่องมาจากการขยายผล หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ ได้ทำการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าที่สถานที่รับ-ส่งพัสดุแห่งหนึ่งในพื้นที่ สน.ภาษีเจริญ โดยพบผู้ต้องหาที่กำลังนำสินค้าบุหรี่ไฟฟ้ามาส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนนครบาล (IDMB) ร่วมกับชุดสืบสวน สน.ภาษีเจริญ และชุดสืบสวนตำรวจนครบาล 9 จึงได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลทันที

จากการสืบสวนเชิงลึก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาธนบุรี และเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพมหานครจำนวน 2 จุด จุดที่สำคัญคือบ้านต้องสงสัยภายในซอยเทอดไท 83 ซึ่งเป็นแหล่งพักสินค้าและกระจายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ที่ลักลอบนำเข้าและจัดส่งออกจำหน่ายให้ลูกค้าทั่วประเทศ

ภายในจุดตรวจค้นที่ 1 ในซอยเทอดไท 83 เจ้าหน้าที่พบของกลางจำนวนมหาศาล อันเป็นที่มาของการยึดของกลางรวมกว่า 140,000 รายการ และมูลค่ารวมกว่า 70 ล้านบาท นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ขยายผลต่อไปยังจุดที่ 2 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้สำหรับลักลอบจัดเก็บสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความร่วมมือและแจ้งเบาะแสอันเป็นประโยชน์ จนนำไปสู่การตรวจค้นและจับกุมในครั้งนี้ พร้อมทั้งขอประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย และมีอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกลุ่มเยาวชน หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิด หรือมีเบาะแสเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งข้อมูลได้โดยตรงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล