ONE Championship แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย: สร้างรายได้กว่า 1.6 หมื่นล้านบาทต่อปี พร้อมยกระดับ ‘มวยไทย’ สู่ Soft Power ระดับโลก
กรุงเทพฯ – รายงานเศรษฐศาสตร์เชิงปริมาณฉบับล่าสุดจาก Nielsen ยืนยันบทบาทสำคัญของ วัน แชมเปียนชิพ (ONE) องค์กรศิลปะการต่อสู้ระดับโลก ในการกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้สูงถึงประมาณ 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 1.6 หมื่นล้านบาทต่อปี ผ่านการจัดแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในหลากหลายแขนง
ผลการศึกษาของ Nielsen ชี้ให้เห็นว่า ONE คือฟันเฟืองสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) โดยพบว่ามีผู้ชมชาวต่างชาติถึง 82% ที่ตั้งใจเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าชมการแข่งขันของ ONE โดยเฉพาะ ในกลุ่มนี้ 80% เลือกพักในกรุงเทพฯ อย่างน้อย 3 คืน ขณะที่ 18% เป็นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ กว่า 65% ของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ยังได้ขยายระยะเวลาการพำนักเพื่อท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศไทย โดยเฉลี่ยแล้วทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้ใช้เวลาอยู่ในประเทศนานกว่า 10 วัน สะท้อนให้เห็นถึงการกระจายตัวของรายได้สู่พื้นที่ต่างๆ นอกเหนือจากเมืองหลัก
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมการแข่งขัน ONE ส่วนใหญ่มาจากประเทศที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงและนิยมเดินทางระยะไกล (long-haul tourism) อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และแคนาดา ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่รัฐบาลไทยกำลังเร่งผลักดันเพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว นี่เป็นการตอกย้ำสถานะของประเทศไทย ในฐานะ ‘จุดหมายปลายทางระดับโลก’ สำหรับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาการต่อสู้ โดยมีสนามมวยลุมพินีเป็นศูนย์กลางที่ดึงดูดแฟนๆ ศิลปะการต่อสู้จากทั่วโลกให้มาสัมผัสประสบการณ์มวยไทยระดับโลกผ่านศึก ONE ลุมพินี
นอกจากบทบาทด้านการท่องเที่ยว ONE ยังมีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ Soft Power ของไทย โดยเฉพาะ ‘มวยไทย’ สู่สายตาชาวโลก การถ่ายทอดสดการแข่งขันไปยังกว่า 190 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะรายการ ONE ลุมพินี ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกสัปดาห์ที่สนามมวยลุมพินี ได้สร้างปรากฏการณ์ความนิยมให้กับมวยไทยในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้แฟนกีฬาทั่วโลกหันมาสนใจและชื่นชมศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทยอย่างมหาศาล
รายงานระบุว่า ภาคธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการจัดแข่งขันของ ONE ในประเทศไทย คือ ภาคการค้าปลีกและนันทนาการ ซึ่งสร้างรายได้รวมกว่า 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 3,675 ล้านบาท) ตามมาด้วย ภาคที่พัก (54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,890 ล้านบาท) และภาคอาหารและเครื่องดื่ม (38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,330 ล้านบาท) ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเม็ดเงินที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม
เฉพาะการจัดอีเวนต์ขนาดใหญ่ Nielsen คาดการณ์ว่าศึก ONE Fight Night ซึ่งออกอากาศในช่วงไพรม์ไทม์ของสหรัฐฯ และจัดที่สนามมวยเวทีลุมพินีทุกเดือน สามารถสร้างเงินสะพัดต่อเศรษฐกิจไทยได้เกือบ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 238 ล้านบาท) ต่อการจัดหนึ่งครั้ง เช่นเดียวกับศึก ONE ลุมพินี ที่จัดทุกสัปดาห์ในช่วงไพรม์ไทม์ของเอเชีย ก็สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 255.5 ล้านบาท) ต่ออีเวนต์เช่นกัน
สำหรับอีเวนต์ขนาดใหญ่พิเศษที่มีคู่ชิงแชมป์โลกหลายคู่และจำหน่ายบัตรเข้าชมเต็มความจุ เช่น ศึก ONE 170 ที่อิมแพ็ค อารีนา รายงานชี้ว่าสามารถสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยได้สูงถึงเกือบ 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 721 ล้านบาท) ต่อการจัดอีเวนต์แต่ละครั้ง ผ่านภาคส่วนต่างๆ ทั้งการท่องเที่ยว การค้าปลีก และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
การเติบโตของ ONE จึงไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีโลก แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความคุ้มค่าของการลงทุนในอุตสาหกรรมบันเทิงด้านกีฬา ที่สามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมหาศาล พร้อมทั้งเป็นเครื่องมือทรงพลังในการผลักดัน ‘มวยไทย’ ซึ่งเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของไทย ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง สร้างซูเปอร์สตาร์และฮีโร่ชาวไทยให้มีชื่อเสียงระดับโลก และนำมาซึ่งประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนแก่ประเทศไทยและคนไทยอย่างแท้จริง