สศอ. จ่อหั่นเป้า MPI ปี 68 หลัง Q1 หดตัวต่อเนื่อง หวั่นพิษภาษีสหรัฐฯ ฉุดส่งออก

สศอ. หั่นเป้า MPI ปี 68 หลัง Q1 หดตัวต่อเนื่อง หวั่นพิษภาษีสหรัฐฯ ฉุดส่งออก

กรุงเทพฯ – สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เตรียมปรับลดประมาณการดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) และอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรมของไทยในปี 2568 ลงอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากพบว่า เอ็มพีไอในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน พร้อมจับตาผลกระทบจากนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยสถานการณ์ภาคอุตสาหกรรมล่าสุดว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) ประจำเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 105.03 ซึ่งเป็นการหดตัว 0.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ภาพรวมเอ็มพีไอในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม-มีนาคม) อยู่ที่ระดับ 99.96 หรือหดตัวลง 1.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 63.68% ซึ่งสะท้อนว่าภาคอุตสาหกรรมยังคงมีการผลิตที่ชะลอตัว

นายภาสกร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่เอ็มพีไอในไตรมาสแรกปี 2568 ยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ถือเป็นสัญญาณที่น่ากังวล ทาง สศอ. จึงจำเป็นต้องนำปัจจัยและข้อมูลต่างๆ รอบด้านมาพิจารณาประกอบการปรับลดประมาณการเอ็มพีไอ และจีดีพีภาคอุตสาหกรรมสำหรับปี 2568 ซึ่งปัจจุบันประมาณการไว้ว่าจะขยายตัวได้ที่ 1.5-2.5% โดยการปรับลดประมาณการจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้

ปัจจัยสำคัญที่สร้างความกังวลและเป็นสาเหตุหลักในการพิจารณาปรับลดประมาณการ คือ นโยบายกำแพงภาษีการค้าของสหรัฐฯ ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนจากประเทศไทยบางรายการ ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2568 ในอัตรา 25% จากเดิมที่เคยเก็บในอัตราเพียง 0-2.5%

นายภาสกร ประเมินว่า การปรับขึ้นภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยในระดับหนึ่ง เนื่องจากประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนสำคัญหลายรายการที่อยู่ในขอบข่ายสินค้าที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่ม เช่น ยางล้อ เครื่องยนต์ เกียร์ ระบบส่งกำลัง และส่วนประกอบไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากสหรัฐฯ ว่าจะกระทบต่อพิกัดภาษีใดบ้างอย่างชัดเจน เพื่อประเมินผลกระทบที่แท้จริงต่อไป

ในส่วนของรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) จะได้รับผลกระทบทางตรงค่อนข้างน้อย เนื่องจากประเทศไทยมีการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปยังสหรัฐฯ ในปริมาณและมูลค่าโดยรวมไม่สูงมากนัก แต่สำหรับรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) คาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นกัน แม้ว่าในระยะแรกผลกระทบจะใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ แต่จะได้รับผลกระทบมากขึ้นเมื่อประเทศที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงทางการค้า USMCA (สหรัฐฯ เม็กซิโก แคนาดา) สามารถเพิ่มการผลิตรถจักรยานยนต์ขึ้นมาทดแทนการนำเข้าได้

นอกจากปัจจัยด้านภาษีของสหรัฐฯ แล้ว เศรษฐกิจต่างประเทศโดยรวมยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่กดดันการค้าโลก รวมถึงภาคการผลิตของสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นที่ยังคงชะลอตัว ตลอดจนความเสี่ยงจากมาตรการตอบโต้ของประเทศต่างๆ ที่อาจนำไปสู่สงครามการค้าที่รุนแรงมากขึ้นได้ในอนาคต

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยในเดือนเมษายน 2568 นั้น นายภาสกร ประเมินว่า เอ็มพีไอในเดือนดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนมีนาคม หรืออาจขยายตัวได้เล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว ประกอบกับมีแรงส่งจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ได้รับอานิสงส์จากยอดจองรถในงานมอเตอร์โชว์เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน รวมถึงการเร่งผลิตและส่งมอบสินค้าจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ระหว่างที่สหรัฐฯ มีการเลื่อนการบังคับใช้มาตรการบางอย่างออกไป 90 วัน ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเร่งการส่งออกได้ในระยะสั้นนี้

สศอ. จะยังคงติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการค้าโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะปรับประมาณการต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *