กมธ.จี้คืบหน้าสอบตึก สตง.ถล่ม! ผู้ว่าฯ สตง.ทวงเงินประกัน 900 ล้านคืนรัฐ โยนผู้รับเหมาจ่ายค่ารื้อถอน – วิศวกรรมสถานชี้ปมชั้น 3 และชั้น 19
กมธ.จี้คืบหน้าสอบตึก สตง.ถล่ม! ผู้ว่าฯ สตง.ทวงเงินประกัน 900 ล้านคืนรัฐ โยนผู้รับเหมาจ่ายค่ารื้อถอน – วิศวกรรมสถานชี้ปมชั้น 3 และชั้น 19
รัฐสภา, ประเทศไทย – เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ซึ่งมีนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงความคืบหน้าการใช้งบประมาณก่อสร้างและเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ที่ถล่มลงมาหลังเหตุแผ่นดินไหว
นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และนายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้เดินทางเข้าชี้แจงต่อ กมธ. โดยผู้ว่าฯ สตง. ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการต่างๆ เช่น การส่งเอกสารให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่รัฐบาลตั้งขึ้นและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมถึงการมอบเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
ประเด็นสำคัญที่ผู้ว่าฯ สตง. เน้นย้ำคือ การประสานงานกับบริษัทประกันทั้ง 4 บริษัท ซึ่งผู้รับจ้างได้ทำประกันความเสียหายไว้ โดยหากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพิสูจน์สาเหตุของความเสียหายได้แล้ว ผู้ว่าฯ สตง. ระบุว่า บริษัทประกันควรเป็นผู้จ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เนื่องจากรัฐได้จ่ายเงินในส่วนนี้ไปแล้วกว่า 900 ล้านบาท และยืนยันว่า “เราเป็นผู้เสียหาย จึงควรคืนเงินจำนวนนี้มา เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่รัฐได้จ่ายไปทั้งหมด”
ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนอาคาร ผู้ว่าฯ สตง. ชี้แจงว่า ได้ประสานไปยังผู้รับจ้างให้เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดระหว่างการรื้อถอน รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ โดยได้เซ็นหนังสือแจ้งให้ผู้รับจ้างรับผิดชอบแล้ว
สำหรับการดำเนินการด้านกฎหมาย ผู้ว่าฯ สตง. ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอคำแนะนำว่าต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำตอบ นอกจากนี้ ยังได้ทำหนังสือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้อายัดพื้นที่ไว้ก่อนจนกว่าคดีจะแล้วเสร็จ ซึ่งการอายัดจะมีขึ้นหลังจากกรุงเทพมหานครส่งมอบพื้นที่อย่างเป็นทางการ
ผู้ว่าฯ สตง. ยังยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการสร้างอาคารใหม่ เนื่องจากต้องให้ความสำคัญกับการเยียวยาผู้เสียชีวิต และการสอบสวนหาสาเหตุของการถล่มให้แล้วเสร็จก่อน
ด้านนายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รายงานความคืบหน้าของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งประกอบด้วย 6 สถาบัน และกรมโยธาธิการฯ รวม 7 หน่วยงาน ที่กำลังเร่งสร้างแบบจำลองอาคารถล่ม คาดว่าจะได้คำตอบว่าอาคารพังถล่มจากความผิดพลาดตรงไหนภายใน 90 วัน โดยจะใช้ข้อมูลแรงสั่นสะเทือนจากอาคารกรมโยธาธิการฯ บนถนนพระราม 6 มาใช้เป็นค่าตั้งในการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์ว่าสาเหตุเกิดจากการออกแบบที่ไม่มั่นคงแข็งแรงหรือไม่
อธิบดีกรมโยธาธิการฯ กล่าวถึงการเก็บตัวอย่างวัสดุจากอาคารที่พังถล่ม ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากอาคารถล่มลงมา 100% ต้องกระเทาะคอนกรีตเพื่อเก็บตัวอย่างเหล็กในโครงสร้าง ขณะนี้เก็บตัวอย่างเหล็กได้ประมาณ 300-400 ชิ้น และคอนกรีตประมาณ 300 ตัวอย่าง โดยการเก็บตัวอย่างทำร่วมกับดีเอสไอ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ สตง. การเก็บตัวอย่างคอลิฟท์ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นจุดสำคัญก็ทำได้ยาก เนื่องจากฐานคอลิฟท์พังทลายไปหมด
นายพงษ์นรายอมรับว่า การออกแบบอาคาร สตง. ไม่สอดคล้องกับกฎหมายในบางประเด็น แต่ตามหลักการก่อสร้างจะมีค่า Safety Factor เพื่อป้องกันการพังถล่ม ดังนั้น การออกแบบที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายอาจจะไม่ใช่สาเหตุหลักของการถล่ม ซึ่งต้องรอผลการจำลองแบบคณิตศาสตร์ แต่เบื้องต้นถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย
ขณะที่นายทศพร ศรีเอี่ยม ผู้อำนวยการสถาบันแบบจำลองสารสนเทศอาคาร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงการวิเคราะห์จากวิดีโอขณะอาคารถล่มว่า ผนังที่แตกจุดแรกไม่ใช่ชั้นล่างสุด แต่เป็นที่ชั้น 3 ก่อนเสาด้านหน้า ซึ่งแตกต่างจากกรณีอาคารเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ที่ชั้นบนร่วงลงมาทับชั้นล่าง ในกรณี สตง. มีการพังทลายของชั้นบนด้วย และตั้งข้อสงสัยถึงสิ่งผิดปกติที่อาจมีอยู่ในแบบหรือการเปลี่ยนแปลงที่ชั้น 19
นายทศพร ยังระบุว่า การก่อสร้างอาคาร สตง. มีหลายจุดที่ไม่ใช่วิศวกรรมที่ดี เช่น การใช้เหล็กจำนวนมาก และการหุ้มคอนกรีต แต่เชื่อว่าเหล็กไม่ใช่สาเหตุหลักของการถล่ม สิ่งที่น่ากังวลคือข้อมูลเกี่ยวกับเหล็กข้ออ้อยและเหล็กตัวที ซึ่งมีการวางมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวดตั้งแต่ปี 2548 และมีการตรวจสอบโดยวุฒิวิศวกร
อย่างไรก็ตาม นายทศพร ย้ำว่าการออกแบบอาคาร สตง. ไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวง โดยเฉพาะที่ชั้น 19 แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการออกแบบตั้งแต่ต้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวเป็นหลักฐานในการสอบสวนของตำรวจและดีเอสไอ จึงไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้