ความหวังใหม่ในการค้นหา! สุนัข K9 ชี้เป้าพื้นที่ต้องสงสัย ‘โซน B’ เร่งค้นหาผู้ติดค้าง ตึก สตง. ถล่ม

กรุงเทพมหานคร, 7 พฤษภาคม 2568 – ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่มยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบสัญญาณบ่งชี้ที่พื้นที่ต้องสงสัย ‘โซน B’ จากการทำงานของสุนัข K9 สร้างความหวังในการค้นหาผู้ติดค้างเพิ่มเติม.

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา ณ กองอำนวยการร่วม สน.บางซื่อ บริเวณห้างสรรพสินค้า เจเจมอลล์ นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (ผอ.สปภ.กทม.) ได้เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับปฏิบัติการค้นหาและตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว.

นายสุริยชัย ระบุว่า ขณะนี้ทีมค้นหายังคงมุ่งเน้นการทำงานใน 3 จุดหลักที่ยังมีความสงสัยว่าอาจจะพบร่างผู้ติดค้างเพิ่มเติม จากยอดผู้สูญหายที่พนักงานสอบสวนแจ้งมาซึ่งยังคงเหลืออยู่ 12 คนที่อยู่ระหว่างการค้นหา.

สำหรับพื้นที่ทั้ง 3 จุดที่ต้องสงสัย ประกอบด้วย:

1. บริเวณโซน D: เป็นพื้นที่ที่อยู่ถัดจากแนวอาคาร ซึ่งมีซากอาคารกองล้นออกมา จะมีการเปิดการค้นหาเพิ่มเติมไปจนถึงจุดที่มีทรายถม
2. บริเวณโซน A ต่อกับโซน D ด้านหน้า: จะมีการค้นหาเพิ่มเติมในวันนี้ เพื่อคลายข้อสงสัยว่าไม่มีใครติดค้างอยู่ในพื้นที่อาคารถล่ม
3. บริเวณโซน B: จุดสำคัญที่มีลักษณะเป็นเนินติดอยู่กับอาคาร จากการตรวจสอบของสุนัข K9 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจจะมีผู้ที่ติดค้างตรงจุดดังกล่าว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานยังได้กลิ่นโชยมาเป็นระยะในพื้นที่โซน B

ผอ.สปภ.กทม. กล่าวเน้นย้ำว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการรื้อซากปูนในโซน B เพื่อเข้าไปให้ถึงจุดที่สุนัข K9 ชี้เป้า โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าทางด้านข้างและคอยเซาะปูนและตัดเหล็ก เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่ได้แคบลง.

หากไม่มีปัญหาและอุปสรรค คาดว่าวันนี้จะสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมดทั้ง 3 จุด และหากตรวจพบหรือไม่พบ ผู้อำนวยการเขตจะเป็นผู้พิจารณาแนวทางต่อไป.

เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการพบร่างผู้สูญหายจากพื้นที่โซน B ที่ชั้นใต้ดิน นายสุริยชัย แสดงความคาดหวังว่าจะเจอร่างผู้สูญหายในพื้นที่นี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เคยพบร่างในจุดที่ใกล้เคียงกับปล่องบันได เป้าหมายหลักของวันนี้คือการนำกองวัสดุในพื้นที่โซน B ซึ่งอยู่ในชั้นใต้ดินออก เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่การค้นหา.

สำหรับการรื้อถอนในบริเวณชั้นใต้ดินนั้น เป็นไปด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากมีเสาบริเวณชั้นใต้ดินที่หักและยังโป่งอยู่ ทางทีมงานจะไม่มีการนำรถแบคโฮหรือเครื่องจักรหนักเข้าไปเหยียบ แต่จะใช้แขนรถแบคโฮในการยืด สกัดปูนออก และตัดเหล็กแทน เพื่อไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่มีแต่น้ำหนักที่ลดลงจากการรื้อถอน.

ส่วนการส่งมอบพื้นที่คืนให้กับ สตง. นั้น นายสุริยชัย ยืนยันว่ายังอยู่ในกรอบเวลาเดิม และหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบกองดินที่นำออกมาอย่างละเอียดเพิ่มขึ้น หลังพบชิ้นส่วนมนุษย์ โดยจะใช้ภาพจากโดรนที่ถ่ายได้มาทำเป็นตาราง และประสานกับเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยสุนัข K9 ในการแบ่งโซนเพื่อค้นหาให้ครอบคลุมมากขึ้นในกองดิน.

สำหรับผลการค้นหาเมื่อช่วงวานนี้ (6 พ.ค.) พบร่างสมบูรณ์ 1 ร่าง และอีก 5 ชิ้นส่วน ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์.

ในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการประชุมสำคัญเกี่ยวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับตัวเลขผู้ประสบภัยที่แจ้งยอดไว้ โดยจะพูดคุยเชิงลึกกับพนักงานสอบสวน รวมถึงระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่ไปในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อรายงานความคืบหน้าและยืนยันตัวเลขผู้สูญหายที่แจ้งเข้ามา ว่ายังติดค้างอยู่ในอาคาร สตง. จริง หรือเดินทางไปที่อื่นแล้ว.

การประชุมในวันนี้ที่กองอำนวยการร่วม สน.บางซื่อ ประกอบด้วยคณะทำงานจากกรมโยธาธิการและผังเมือง, เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ.

ในการประชุมได้มีการวางกรอบการทำงานเกี่ยวกับแนวทางการจัดเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอาคาร สตง. พังถล่ม โดยเน้นย้ำว่าการเก็บหลักฐานจะต้องมีการประสานเพื่อเข้าไปเก็บร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกลางตำรวจ และจะไม่เข้าไปเก็บซ้ำในบริเวณที่เคยเก็บไปแล้ว.

เกี่ยวกับกรณีที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเดินทางมาร่วมประชุมเพื่อวางแผนเตรียมการส่งมอบพื้นที่คืนและยกเลิกประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัตินั้น นายสุริยชัย กล่าวว่า จะต้องรอการค้นหาผู้สูญหายให้เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดก่อน จึงจะมีการหารือกับ ผอ.เขต เพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจนต่อไป.

ทั้งนี้ การคืนพื้นที่อาคารที่เกิดเหตุให้กับ สตง. ทางผู้อำนวยการเขตได้ทำหนังสือเตรียมความพร้อมไว้เบื้องต้นแล้ว ส่วนพื้นที่ที่ได้นำพยานหลักฐานไปเก็บไว้บริเวณพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จะมีการพูดคุยหารือในลำดับถัดไป.