หนุ่ม กรรชัย ช่วยเต็มที่! สาวตามหา พ.ต.อ.พ่อแท้ๆ เจอคำปฏิเสธ สุดท้ายพิธีกรดังเสนอออกค่าเรียนให้เอง
เรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อเด็กสาวจบ ม.3 ไร้ทุนเรียนต่อ ตัดสินใจตามหาพ่อแท้ๆ ที่เป็นถึง พ.ต.อ. แต่กลับเจอคำปฏิเสธและความเย็นชา สุดท้าย “หนุ่ม กรรชัย” ในรายการโหนกระแส ยื่นมือช่วยเหลือ พร้อมประกาศจะออกค่าเล่าเรียนให้น้องจนจบ เป็นเรื่องราวที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคม
วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 ในรายการ “โหนกระแส” ที่ดำเนินรายการโดยพิธีกรชื่อดัง คุณหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้มีการพูดคุยและเปิดประเด็นกรณีของเด็กสาวรายหนึ่ง หรือ “น้องหนู” ที่เผชิญหน้ากับความจริงอันน่าเศร้า เมื่อพ่อแท้ๆ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายตำรวจยศ พ.ต.อ. ปฏิเสธความสัมพันธ์ ทำเหมือนลูกไม่มีตัวตน ทั้งที่น้องมีความตั้งใจและความฝันที่จะศึกษาต่อ
คุณเพียว เจ้านายของ คุณรุ่ง แม่ของน้องหนู ได้ร่วมให้ข้อมูลในรายการ โดยเล่าว่า คุณรุ่งเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทำงานที่ร้านนวดแผนโบราณของคุณเพียวมานาน ด้วยความเห็นใจในความลำบากของคุณรุ่งที่ต้องทำงานและดูแลลูกไปพร้อมกัน คุณเพียวจึงตัดสินใจให้น้องหนูย้ายเข้ามาอยู่ด้วยและย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านของตน เพื่อให้น้องได้สิทธิ์เข้าเรียนในสถานศึกษาใกล้บ้าน และช่วยกันเลี้ยงดูน้องมาโดยตลอด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณรุ่งไม่เคยบอกน้องหนูว่าพ่อของน้องเป็นใครหรืออยู่ที่ไหน ส่วนตัวน้องหนูเองก็ไม่เคยรู้สึกขาดความอบอุ่นและไม่เคยคิดถามหา กระทั่งเมื่อปีที่แล้ว คุณรุ่งเริ่มล้มป่วย ทำงานลำบาก รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าเทอมของน้องที่โรงเรียนอนุญาตให้ค้างได้ แต่ล่าสุดน้องหนูจบชั้น ม.3 แล้ว และไม่สามารถรับใบวุฒิการศึกษาเพื่อไปสมัครเรียนต่อได้ เนื่องจากยังค้างชำระค่าเทอมอยู่
ด้วยความจำเป็น คุณรุ่งจึงตัดสินใจบอกความจริงกับลูกสาวว่าพ่อยังอยู่ และขอให้น้องหนูไปติดต่อพ่อเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องการเรียนต่อ คุณเพียวจึงช่วยน้องหนูนำชื่อพ่อจากใบสูติบัตรไปค้นหาใน Google และพบว่า พ่อของน้องเป็นนายตำรวจมียศ พ.ต.อ. มีตำแหน่งในองค์กรตำรวจ และมีภาพลักษณ์ที่ดีในสื่อ มักออกช่วยเหลือสังคมและมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ
คุณเพียวเล่าต่อว่า ได้โทรศัพท์ไปประสานติดต่อไปยังหน่วยงานของนายตำรวจคนดังกล่าว ปรากฏว่ามีลูกน้องออกมาพบและปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ โดยบอกว่าจะติดต่อกลับไปเอง แต่ทั้งคุณเพียวและน้องหนูก็ไม่ย่อท้อ พยายามติดต่อผ่านทางลูกน้องของนายตำรวจนายนี้อีกหลายครั้ง
ภายหลัง ทั้งสองฝ่ายได้นัดพบกันอีกครั้ง น้องหนูได้พูดถึงความตั้งใจในการเรียนต่อ ตอนแรกน้องอยากเรียนสายสามัญเพื่อเป็นทนายความ แต่เมื่อพิจารณาถึงความยากลำบากในชีวิต ปัจจุบันน้องหนูเชื่อว่าการเรียนสายอาชีวะอาจจะเหมาะสมกว่า เพราะจะสามารถเรียนไปพร้อมกับทำงานเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมเองได้
ทางด้านนายตำรวจ พ.ต.อ. ซึ่งเป็นพ่อของน้อง ได้ติดต่อผ่านทีมงานรายการโหนกระแสมา โดยแจ้งว่า ไม่สะดวกที่จะพูดคุยในรายการทางโทรศัพท์ แต่ให้ข้อมูลว่า ในสมัยที่น้องหนูยังเด็กมาก ตนเคยดูแลโดยพาน้องและแม่ไปให้น้องสาวของตนซึ่งเป็นแพทย์ช่วยเลี้ยงดูอยู่ที่จังหวัดชลบุรี แต่แม่ของน้องอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน ก็หอบลูกหนีไป โดยบอกว่าจะไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น และแม่ของน้องได้ทำสิ่งที่ตนรับไม่ได้ หลังจากนั้นก็บล็อกการติดต่อกันทุกช่องทาง ทำให้ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
นายตำรวจคนดังกล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตอนที่ลูกมาหาตนถึง 2 ครั้ง ที่ตนให้กลับไป เพราะเป็นสถานที่ราชการ ไม่ควรมาคุยเรื่องส่วนตัวในที่ทำงาน ส่วนเรื่องการช่วยเหลือค่าเล่าเรียนนั้น ตนกำลังจะช่วยเหลือ แต่เงินเก็บของตนหมดไปเกือบ 2 ล้านบาท ใช้ในการรักษาตัวจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้ยังไม่ได้ข้อสรุปในการจ่ายเงินช่วยเหลือให้เด็ก
นอกจากนี้ นายตำรวจ พ.ต.อ. ยังระบุว่า ปัจจุบันตนมีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งภรรยาตั้งใจจะฟ้องร้องแม่ของน้องหนูด้วยซ้ำ แต่ตนเป็นคนห้ามไว้ สิ่งที่ตนไม่พอใจคือ ทำไมถึงให้คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องในครอบครัวมาเป็นคนพูดคุย
เมื่อเรื่องราวทั้งหมดดำเนินมาถึงจุดที่ไม่สามารถหาข้อสรุปหรือความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมจากผู้เป็นพ่อได้ ในที่สุด คุณหนุ่ม กรรชัย ก็ได้ตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่
โดย คุณหนุ่ม กรรชัย ได้แจ้งในรายการว่า ทางสปอนเซอร์ของรายการ ได้แก่ M-150 และ ดัชมิลล์ ได้มอบเงินช่วยเหลือสนับสนุนน้องหนูและแม่ รายละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 40,000 บาท เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายและรักษาอาการป่วยของคุณแม่ ส่วนเรื่องค่าเทอม ค่าเล่าเรียนของน้องหนูนั้น คุณหนุ่ม กรรชัย ได้เสนอน้องหนูให้กลับไปปรึกษาคุณแม่และตัดสินใจว่าจะเรียนต่อสายใด หากยังมีความฝันอยากเป็นทนายความ ก็สามารถเลือกเรียนสายสามัญได้ หรือหากต้องการเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ก็สามารถเลือกเรียนสายอาชีพได้เช่นกัน โดยไม่ว่าน้องหนูจะเลือกเรียนต่อทางด้านใด คุณหนุ่ม กรรชัย จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเล่าเรียนทั้งหมดให้น้องหนูจนเรียนจบ นับเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่และสร้างความหวังให้กับน้องหนูอย่างมาก