ทลายเครือข่ายยาเสพติด! สกัดจับยาบ้ากว่า 1.2 ล้านเม็ดใน 1 วัน ภาคอีสาน บูรณาการกำลังไล่ล่าระทึก
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบูรณาการกำลังครั้งใหญ่ สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยึดยาบ้าได้รวมกว่า 1.2 ล้านเม็ด พร้อมรวบผู้ต้องหาได้ 4 ราย ภายในระยะเวลาปฏิบัติการเพียง 1 วัน สะท้อนความเข้มข้นตามแผนยุทธการสำคัญของรัฐบาล
พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ว่ายังคงทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อกดดันกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดที่พยายามลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยปฏิบัติการเป็นไปตามแผนยุทธการสุรนารีดอกบัวบานสัมพันธ์ และแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล ซึ่งเป็นแผนเร่งด่วนในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย
พลโท บุญสิน กล่าวว่า จากผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในช่วงเวลา 1 วัน คือเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 สามารถจับกุมผู้ลำเลียงยาเสพติดได้ 4 คน และยึดของกลางยาบ้าได้รวมกว่า 1.2 ล้านเม็ด จาก 3 เหตุการณ์สำคัญ
เหตุการณ์แรก เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. ของวันที่ 22 เมษายน 2568 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ส่วนสกัดกั้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เจ้าหน้าที่ชุดบูรณาการซึ่งประกอบด้วย กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดน 245 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เฝ้าตรวจบริเวณหน้าวัดโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เมื่อตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยและแสดงตัวขอตรวจค้น คนขับได้เร่งเครื่องหลบหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำการไล่ติดตามและสกัดกั้นไว้ได้บนถนนมิตรภาพ ขาเข้าแยกหนองคาย-หนองสองห้อง
จากการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายยมนา อายุ 37 ปี และ นายภิญโญวิทย์ อายุ 26 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี พร้อมของกลางยาบ้าประมาณ 632,360 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระสอบ 2 ใบ และรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน อัลเมร่า สีขาว หมายเลขทะเบียน นข 678 หนองคาย โดยผู้ต้องหาและของกลางถูกส่งมอบให้สถานีตำรวจภูธรเมืองหนองคาย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ที่สอง เกิดขึ้นในช่วงเช้าตรู่ เวลาประมาณ 06.30 น. ของวันที่ 22 เมษายน 2568 เช่นกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด บริเวณหน้าวิทยาลัยการอาชีพนิคมคำสร้อย อำเภอนิคมคำสร้อย ได้สังเกตเห็นรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน ญฐ 5275 กรุงเทพมหานคร วิ่งมาจากเส้นทางอำเภอคำสร้อย-เลิงนกทา และได้กลับรถอย่างกะทันหันก่อนถึงจุดตรวจประมาณ 100 เมตร ก่อนจะเร่งความเร็วหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด
ผลการไล่ล่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายคเนตร อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดปราจีนบุรี และ นายวัทธกร อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมของกลางยาบ้าประมาณ 390,000 เม็ด และยาไอซ์ 0.6 กิโลกรัม จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากชาวลาวให้นำยาเสพติดไปส่งในพื้นที่จังหวัดยโสธร เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.นิคมคำสร้อย เพื่อดำเนินคดีและขยายผลต่อไป
เหตุการณ์ที่สาม เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 12.30 น. ของวันที่ 22 เมษายน 2568 กองกำลังสุรนารี ส่วนสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดฯ ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้จัดกำลังบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจบริเวณไร่มันสำปะหลัง บ้านอูบมุง ตำบลเขมราฐ
ระหว่างการลาดตระเวน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบกระสอบต้องสงสัยสีเขียว 1 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้า เมื่อตรวจสอบภายในพบยาบ้าประมาณ 200,000 เม็ด แต่ไม่พบผู้ต้องหาในบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้นำของกลางดังกล่าวมาเก็บรักษาและเตรียมส่งมอบให้สถานีตำรวจภูธรเขมราฐ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พลโท บุญสิน ย้ำว่า กองทัพภาคที่ 2 โดยหน่วยบัญชาการสกัดกั้นยาเสพติดฯ ยังคงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติงานปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเข้มข้น ใช้การข่าวที่แม่นยำ รวมถึงการเฝ้าระวัง ป้องกัน และปราบปรามเชิงรุก เพื่อลดปัญหายาเสพติดให้ได้มากที่สุด
“ผมต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงาน ทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ภาคประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ทั้งการแจ้งข่าว ให้กำลังพล ทำให้การปฏิบัติงานของเราในแต่ละครั้งสำเร็จไปได้ด้วยดี และขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับทางเจ้าหน้าที่ การปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไปก็ต้องได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนด้วย การปราบปรามถึงจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล” พลโท บุญสิน กล่าวทิ้งท้าย