บุกทลาย! สตม.3 จ.นนทบุรี จับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย 7 คน คาราโอเกะดังกลางเมือง

นนทบุรี – เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับว่า มีร้านคาราโอเกะชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มบุคคลต่างด้าว เปิดให้บริการโดยมีการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจำนวนมากทำงานอยู่ภายในร้าน และยังมีการใช้บัญชีเงินฝากของบุคคลต่างด้าวในการทำธุรกรรมรับชำระเงินค่าบริการ

จากข้อมูลดังกล่าว พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 (ผบก.ตม.3), พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 (ผกก.สส.บก.ตม.3) พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิรชา สนั่นศิลป์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.ท.สุริโย ไชยยอด และ ว่าที่ พ.ต.ท.จตุรโชค เพชรคง สารวัตร กก.สส.บก.ตม.3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ลงพื้นที่เพื่อเข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง

รายงานข่าวแจ้งว่า ร้านคาราโอเกะเป้าหมายตั้งอยู่ในซอยลึกในพื้นที่ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ลักษณะเป็นอาคารเดี่ยว เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนโดยการส่งสายลับเข้าไปใช้บริการภายในร้าน เพื่อสังเกตการณ์และเก็บรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น

จากการสังเกตการณ์ของสายลับ พบว่าภายในร้านมีหญิงสาวจำนวนหลายคน ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว เข้ามานั่งพูดคุย ให้บริการร้องเพลง และดูแลลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ในขั้นตอนการชำระเงิน สายลับพบว่าพนักงานที่เป็นบุคคลต่างด้าวได้นำคิวอาร์โค้ดมาให้สแกนเพื่อชำระเงิน โดยบัญชีปลายทางที่ใช้รับโอนเงินดังกล่าวก็เป็นบัญชีเงินฝากของบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นการยืนยันข้อมูลตามที่ได้รับแจ้งเบาะแส

ภายหลังจากที่สายลับส่งสัญญาณยืนยันข้อมูล เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่รออยู่ด้านนอกจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบภายในร้านทันที ผลการตรวจสอบพบบุคคลต่างด้าวจำนวน 7 คน กำลังทำงานให้บริการลูกค้าอยู่ภายในร้านโดยไม่ได้รับอนุญาต

เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่บุคคลต่างด้าวทั้ง 7 คนว่า “ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือทำงานนอกเหนือสิทธิ”

ขณะเดียวกัน พบ นางสาว ก. (สงวนชื่อ-นามสกุลจริง) ซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติไทย แสดงตนเป็นเจ้าของและผู้ดูแลร้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนางสาว ก. ว่า “เป็นนายจ้างให้บุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และช่วยเหลือซ่อนเร้นให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย”

เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 8 คน (แรงงานต่างด้าว 7 คน และนายจ้างชาวไทย 1 คน) พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้ความผิดในข้อหา “ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือทำงานนอกเหนือสิทธิ” ของแรงงานต่างด้าวจะมีโทษเพียงการปรับในชั้นศาล แต่ผู้ถูกจับกุมจะต้องถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ถูกบันทึกเป็นบุคคลต้องห้าม (blacklist) ห้ามเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทยอีก และจะถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทางโดยทันที ส่วนในกรณีของร้านคาราโอเกะดังกล่าวที่พบการใช้บัญชีของคนต่างด้าวในการประกอบกิจการ ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสืบสวนขยายผลและประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ ยังได้กล่าวย้ำว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเฝ้าระวังและติดตามบุคคลที่มีหมายจับ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร

ท้ายสุดนี้ พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการหลบหนีเข้าเมือง การใช้แรงงานผิดกฎหมาย หรือการกระทำผิดอื่นๆ สามารถแจ้งข้อมูลมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1178 หรือผ่านทางเว็บไซต์ www.immigration.go.th ทาง สตม. จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *