นิสสัน เตรียมปลดพนักงานเพิ่มอีก 11,000 คน ดันยอดรวมถึง 20,000 คนทั่วโลก สังเวยยอดขายตกหนัก
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น – สำนักข่าวต่างประเทศ โดยเฉพาะสำนักข่าวเอ็นเอชเค (NHK) รายงานความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด (Nissan Motor Co., Ltd.) ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและยอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
รายงานระบุว่า นิสสันได้ตัดสินใจเตรียมปลดพนักงานทั่วโลกเพิ่มอีกราว 11,000 คน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพนักงานทั้งในประเทศญี่ปุ่นและในอีกหลายประเทศทั่วโลกที่นิสสันมีฐานการผลิตและดำเนินธุรกิจอยู่
การปลดพนักงานจำนวน 11,000 คนในครั้งนี้ เป็นมาตรการที่เพิ่มเติมจากแผนการลดขนาดองค์กรที่นิสสันได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยเมื่อรวมกับการประกาศแผนลดกำลังการผลิตทั่วโลกประมาณ 20% และปลดพนักงานจำนวน 9,000 คน ซึ่งมีการสื่อสารออกมาตั้งแต่ช่วงหลังเดือนพฤศจิกายน 2024 (ตามรายงานข่าวต้นฉบับ อาจเป็นปีงบประมาณ หรือการสื่อสารแผนระยะยาว) จะทำให้ยอดรวมพนักงานที่ต้องออกจากบริษัททั่วโลกพุ่งสูงถึง 20,000 คนเลยทีเดียว
ตัวเลขพนักงาน 20,000 คนนี้ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดของนิสสันทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการปรับลดขนาดองค์กรครั้งใหญ่และส่งสัญญาณถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงภายในบริษัท
สาเหตุหลักที่ผลักดันให้นิสสันต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดเช่นนี้ มาจากผลประกอบการที่ย่ำแย่และยอดขายรถยนต์ที่ลดต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มาโดยตลอด โดยในปีงบประมาณที่ผ่านมา (ปีงบประมาณของญี่ปุ่นสิ้นสุดเดือนมีนาคม) นิสสันคาดการณ์ว่าจะขาดทุนสูงถึง 1.7 แสนล้านเยน (ประมาณ 1.7 แสนล้านบาท หรือราว 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งเป็นตัวเลขการขาดทุนที่มหาศาล และจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
นอกจากมาตรการด้านพนักงานแล้ว นิสสันยังได้ทบทวนและปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนที่สำคัญ โดยเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา นิสสันได้ประกาศยกเลิกแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ที่เมืองคิตะคิวชู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเดิมวางแผนไว้เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ บริษัทยังได้แสดงความตั้งใจที่จะดำเนินการปิดโรงงานผลิตรถยนต์ลง 3 แห่งทั่วโลก เพื่อลดกำลังการผลิตส่วนเกินที่ไม่สอดคล้องกับยอดขายปัจจุบัน พร้อมทั้งจะเร่งตรวจสอบและปรับปรุงระบบการผลิตที่มีกำลังการผลิตมากเกินไปในหลายส่วนของโลก เพื่อให้การดำเนินงานมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การตัดสินใจครั้งใหญ่ของนิสสันครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน การแข่งขันที่ดุเดือด โดยเฉพาะจากการมาของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั่วโลก และจำเป็นต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อความอยู่รอดในระยะยาว