ดราม่า ‘หนีห่าว’ ปะทุ! ที่ปรึกษาอุทยานฯ ปะทะนักท่องเที่ยว ปมทัก ‘หนีห่าว’ – กรมอุทยานฯ แจงสถานะ

กระบี่ – กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์ หลังมีคลิปวิดีโอเผยแพร่เหตุการณ์ที่ นายสิรณัฐ เบ็ญญากุล หรือ ไทร สก๊อต ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีปากเสียงอย่างรุนแรงกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรายหนึ่งบนชายหาดที่จังหวัดกระบี่ โดยมีสาเหตุมาจากการที่นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวทักทายเขาด้วยคำว่า “หนีห่าว” (Ni Hao) ซึ่งนายสิรณัฐอ้างว่าเป็นการกระทำที่แสดงถึงการเหยียดเชื้อชาติ

ในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา นายสิรณัฐกล่าวหาว่านักท่องเที่ยวชาวรัสเซียคนดังกล่าวทักทายเขาด้วยคำว่า “หนีห่าว” แล้วหัวเราะเยาะเย้ย ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจและได้โต้เถียงกับนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว ก่อนจะกลับไปต่อว่าอีกครั้งและสั่งให้นักท่องเที่ยวขึ้นเรือออกจากพื้นที่ไป เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายการถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคมไทย โดยมีความเห็นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย บางส่วนมองว่าการทักทายดังกล่าวเป็นการเหยียดเชื้อชาติและได้แบ่งปันประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ขณะที่อีกส่วนมองว่านายสิรณัฐมีปฏิกิริยาที่รุนแรงเกินไป นอกจากนี้ ยังมีชาวต่างชาติบางส่วนออกมาแสดงความเห็นในเชิงว่าคนไทยเองก็ควรหยุดเรียกชาวตะวันตกทุกคนว่า “ฝรั่ง” ด้วย

หลังเกิดเหตุการณ์ นายสิรณัฐได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ โดยอ้างว่าเขาถูกปลดออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาของกรมอุทยานฯ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด และเขากำลังสอนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติคนนั้นไม่ให้แสดงพฤติกรรมการเหยียดเชื้อชาติ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 19 เมษายน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว โดยปฏิเสธว่ายังไม่มีคำสั่งปลดนายสิรณัฐออกจากตำแหน่ง พร้อมอธิบายว่าตำแหน่งที่ปรึกษาเป็นสัญญาจ้างรายปี และการยกเลิกตำแหน่งอย่างเป็นทางการต้องมีเอกสารยืนยัน นายอรรถพลระบุว่า เขาเพียงแค่ส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ไปหานายสิรณัฐ เพื่อแนะนำให้ปรับปรุงแนวทางการทำงาน และทำความเข้าใจขอบเขตของบทบาทที่ปรึกษาของตนเอง

“การให้สัมภาษณ์สื่อของนายสิรณัฐส่งผลกระทบในทางลบต่อกรมฯ และสร้างความเข้าใจผิด ผมจำเป็นต้องออกมาชี้แจงในมุมมองของกรมฯ และเน้นย้ำว่าไม่ต้องการให้เรื่องนี้บานปลายไปกว่านี้ เพราะสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของหน่วยงาน” นายอรรถพลกล่าว

อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังกล่าวเสริมว่า บทบาทของนายสิรณัฐจำกัดอยู่แค่การให้คำปรึกษาเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า และยอมรับว่าเคยตักเตือนนายสิรณัฐและอะลุ่มอล่วยให้หลายครั้งแล้ว เนื่องจากหัวหน้าอุทยานทางทะเลหลายแห่งรายงานถึงความไม่สบายใจเกี่ยวกับกิจกรรมการสร้างคอนเทนต์บนสื่อสังคมออนไลน์ของนายสิรณัฐ

“การสร้างคอนเทนต์ส่วนตัวในพื้นที่คุ้มครองต้องได้รับอนุญาต ผมอยากให้นายสิรณัฐใจเย็นและกลับมาทำงานร่วมกัน การวิจารณ์ของผมมีเจตนาเพื่อให้การดำเนินงานของเราก้าวไปข้างหน้า เมื่อเขาทำผลงานได้ดี ผมก็พร้อมให้คำชมเชยและให้กำลังใจ” นายอรรถพลอธิบาย

ความขัดแย้งดังกล่าวยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงง่ายๆ เนื่องจากในวันเดียวกันนั้น มัคคุเทศก์และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ จำนวน 68 ราย ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พวกเขาขอให้มีการสอบสวนพฤติกรรมของนายสิรณัฐ โดยกล่าวหาว่าเขาแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และใช้สื่อสังคมออนไลน์โจมตีบุคคลและธุรกิจในท้องถิ่น

ในหนังสือร้องเรียนระบุว่า นายสิรณัฐมักเผยแพร่ภาพและวิดีโอของธุรกิจท่องเที่ยวและบุคคลในพื้นที่บนสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัวโดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้ชื่อเสียงเสียหายด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งสิ่งนี้ได้สร้างความขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ และชุมชนท้องถิ่น บ่อนทำลายความร่วมมือด้านการอนุรักษ์และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

“ในขณะที่ผู้ประกอบการท้องถิ่นเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับกรมอุทยานฯ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ พฤติกรรมของนายสิรณัฐกลับเป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือนี้ การทำงานร่วมกันควรอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใส การเคารพชุมชนท้องถิ่น และแนวปฏิบัติที่เป็นธรรม ไม่ใช่การใช้อำนาจในทางที่ผิด” หนังสือร้องเรียนระบุ

ผู้ประกอบการท่องเที่ยวยังเรียกร้องให้กรมฯ กำหนดมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการแต่งตั้งที่ปรึกษา เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความเหมาะสมกับภารกิจของกรมฯ.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *