คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกแถลงการณ์สำคัญเกี่ยวกับประเด็นการสร้างเนื้อหาทางออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก โดยเฉพาะกรณีที่ครูหรือบุคลากรทางการศึกษานำภาพหรือคลิปวิดีโอของนักเรียนไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่ง กสม. มองว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

ในแถลงการณ์ดังกล่าว กสม. ได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าว ระบุว่า การนำภาพหรือข้อมูลส่วนตัวของเด็กไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอมที่เหมาะสม อาจถือเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของเด็กอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวยังอาจทำให้เด็กตกอยู่ในความเสี่ยงต่างๆ บนโลกออนไลน์ เช่น การถูกนำภาพไปใช้ในทางที่ผิด การถูกคุกคาม หรือผลกระทบด้านจิตใจจากการแสดงความคิดเห็นต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย

เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว กสม. ได้เสนอแนะแนวทางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และหน่วยงานด้านการศึกษาอื่นๆ ให้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม กสม. ได้เสนอให้หน่วยงานเหล่านี้พิจารณากำหนดนโยบายหรือแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งรวมถึงการห้ามไม่ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษานำเด็กมาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเนื้อหาเพื่อเผยแพร่ในแผนงานหรือนโยบายการทำงานของตนเอง

นอกจากนี้ กสม. ยังได้เรียกร้องไปยังคณะกรรมการคุรุสภา ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพครู ให้เพิ่มความเข้มข้นในการประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ครูทั่วประเทศ เกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพครูที่ต้องคำนึงถึงสิทธิและประโยชน์สูงสุดของเด็ก ควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัยทางออนไลน์ของนักเรียน

มาตรการที่เข้มงวดขึ้นก็ถูกหยิบยกมาพิจารณาเช่นกัน กสม. ได้เสนอให้มีการยกระดับการกำกับดูแลพฤติกรรมของครูและบุคลากรทางการศึกษาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง พร้อมทั้งพิจารณากำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่กระทำผิด ซึ่งอาจรวมไปถึงการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หากการกระทำนั้นเข้าข่ายการละเมิดสิทธิเด็กอย่างร้ายแรง

วัตถุประสงค์หลักของการดำเนินการทั้งหมดนี้ คือการปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็กและเยาวชนในยุคดิจิทัล เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเด็กๆ จะได้รับการคุ้มครองจากความเสี่ยงและอันตรายที่แฝงมากับการใช้โซเชียลมีเดียและการสร้างเนื้อหาออนไลน์

ในยุคที่การแบ่งปันข้อมูลบนโลกออนไลน์เป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย กสม. ย้ำเตือนว่า สิทธิความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของเด็กเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าความสะดวกในการเผยแพร่ ขอให้ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้อย่างจริงจัง และร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมการเติบโตของเด็กๆ อย่างมีคุณภาพและมั่นคง.