กสม. ประณามเหตุกราดยิงบิณฑบาตสะบ้าย้อย สามเณรมรณภาพ จี้หน่วยงานรัฐเร่งคุ้มครองศาสนสถาน-ปชช.
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและประณามการกระทำอันโหดร้ายของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่ก่อเหตุกราดยิงใส่รถขณะกำลังนำพระสงฆ์และสามเณรออกไปบิณฑบาตในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ซึ่งส่งผลให้สามเณรพงษ์กร ชูมาปาน อายุ 16 ปี มรณภาพ และมีสามเณรรูปอื่นได้รับบาดเจ็บ กสม. ชี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อคลี่คลายสถานการณ์และป้องกันมิให้เกิดเหตุซ้ำรอย
ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจขึ้นเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 22 เมษายน 2568 โดยกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่รถกระบะซึ่งเป็นของ ร.ต.ท.วัฒนา ชูมาปาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับพระภิกษุและสามเณรจำนวน 6 รูป จากวัดเกาะอภินิหาร หรือวัดกุหร่า เพื่อเดินทางไปบิณฑบาตในเขตเทศบาลตำบลสะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้สามเณรพงษ์กร ชูมาปาน บุตรชายของ ร.ต.ท.วัฒนา ซึ่งร่วมเดินทางมาด้วย มรณภาพในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล ขณะที่สามเณรรูปอื่น ๆ ได้รับบาดเจ็บ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ในวันที่ 23 เมษายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน โดย กสม. เน้นย้ำว่า บุคคลในพื้นที่ทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง ควรได้รับการเคารพและคุ้มครองดูแลอย่างสูงสุด เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของประชาชน และต้องไม่ถูกลบหลู่หรือทำร้ายโดยเด็ดขาด กสม. ยังได้กล่าวถึงกรณีนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากสามเณรที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนั้นยังเป็นเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่สมควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
กสม. ได้ประณามการกระทำอันโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุรุนแรงต่อทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนทั่วไปมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์อุกอาจในครั้งนี้ที่มุ่งเป้าหมายไปที่ผู้บริสุทธิ์ถึงขั้นทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิต ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่สุด กสม. ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังครอบครัวของสามเณรพงษ์กร ชูมาปาน ผู้มรณภาพ ผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยและรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิตประจำวัน
ในแถลงการณ์ฉบับนี้ กสม. ยังได้ส่งกำลังใจและความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนทุกคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมเรียกร้องไปยังหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างโปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดที่โหดเหี้ยมมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ กสม. ยังได้เสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการในการคุ้มครองและป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นต่อบุคคลในพื้นที่ทางศาสนาและประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
สุดท้าย กสม. ได้เรียกร้องให้มีการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่า กสม. จะติดตามสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างใกล้ชิดต่อไป และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนรัฐบาลในการดำเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อสร้างสันติสุขที่ยั่งยืนในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป