เนย-แจม Neko Jump เปิดใจ ชีวิตสุดโต่งในอดีต ปาร์ตี้หนักจนร่างพัง สู่การเอาชนะโรคซึมเศร้าและหันมาดูแลตัวเอง

สองสาวฝาแฝด เนย วรัฐฐา และ แจม ชรัฐฐา อดีตสมาชิกดูโอวง Neko Jump ได้ออกมาเปิดใจถึงช่วงชีวิตในอดีตที่ผ่านมา ทั้งประสบการณ์สุดโต่งจากการปาร์ตี้หนัก และการเผชิญหน้ากับโรคซึมเศร้า ในรายการ Prime Cast พร้อมเผยถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเธอหันกลับมาดูแลสุขภาพกายและใจอย่างจริงจัง

ในบทสัมภาษณ์ เนย วรัฐฐา ได้ย้อนเล่าถึงช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิงสมัยวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เธอปาร์ตี้หนักที่สุด เธอกล่าวว่า ในช่วงที่ยังทำงานเป็น Neko Jump อายุประมาณ 19-20 ปี รู้สึกว่าตัวเองทำงานอย่างเดียว ไม่มีเวลาพักผ่อนหรือเที่ยวกับเพื่อน ทำให้หลังเลิกงานจึงมักจะออกไปสังสรรค์ ดื่มแอลกอฮอล์เกือบทุกชนิด แทบทุกวัน ไปจนร้านปิด หรือไปต่อที่บ้านเพื่อน ก่อนจะกลับถึงบ้านตอนเช้า อาบน้ำแต่งตัว แล้วไปทำงานต่อโดยอาศัยหลับบนรถตู้ ซึ่ง แจม ชรัฐฐา ผู้เป็นฝาแฝดได้เสริมว่า ในช่วงที่ต้องทัวร์คอนเสิร์ตยาวๆ บางทีเลิกงานดึกถึงตี 2-3 แต่เนยก็ยังเลือกที่จะไปต่อ ไม่นอน เพราะรู้สึกต้องการความผ่อนคลาย ซึ่งสำหรับเธอในตอนนั้นคือการดื่ม

เนยยอมรับว่าใช้ชีวิตเช่นนั้นอยู่พักใหญ่ จนมาถึงจุดที่เริ่มสงสัยตัวเองว่าจำเป็นต้องหาความสุขจากการดื่มการเที่ยวภายนอกอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ ไม่สามารถมีความสุขได้ด้วยตัวเองเลยหรือ และคิดได้ว่าเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น ควรจะเลิกใช้ชีวิตแบบนั้นได้แล้ว เมื่อตัดสินใจ เธอก็ทำตามนั้นทันที โดยประกาศกับเพื่อนๆ ว่าจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์อีกต่อไป แต่ก็ยังไปร่วมสังสรรค์ได้ เพียงแค่นั่งคุย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการตัดสินใจของเธอ

หลังจากนั้น เนยก็หันมาดูแลสุขภาพอย่างเต็มตัว เธอบอกว่าเหมือนเป็นการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตไปเลย เพราะใช้ร่างกายมาอย่างหนักแล้ว ถึงเวลาต้องกลับมาดูแลตัวเอง เธอมักจะจินตนาการว่าตัวเองคือ ‘สาว Healthy’ และใช้ชีวิตตามที่จินตนาการ ทั้งตื่นเช้า ออกกำลังกาย ทานอาหารคลีน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก รวมถึงหาความรู้เพิ่มเติม อ่านหนังสือ และไปเรียนสิ่งที่สนใจ เธอย้ำว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เธอ enjoy มากๆ รู้สึกสนุก ไม่ฝืน เหมือนได้เป็นอีกคนหนึ่ง

ในทางกลับกัน แจม ชรัฐฐา เล่าว่าเธอมีวิธีการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเนยอย่างสิ้นเชิง เธอเป็นคนชอบความสงบ ชอบอยู่กับตัวเอง ชอบอยู่บ้าน เลี้ยงสุนัข หรือไปทำกิจกรรมที่เงียบๆ อย่างการดำน้ำ เธอยอมรับว่าช่วงแรกที่เข้าวงการก็สนุกกับการเจอผู้คน แสงสี แต่เมื่อโตขึ้น กลับรู้สึกว่าไม่ใช่คนแบบนั้น กลับจากทำงานแล้วรู้สึกหมดพลังงานกับการยิ้ม การใช้ชีวิตจึงเปลี่ยนไป และไม่ค่อยมีกิจกรรมที่เฮฮาสังสรรค์

แต่สิ่งที่แจมประสบปัญหาคือ ‘การนอน’ ซึ่งแตกต่างจากเนย เธอนอนเยอะมาก บางวันนอนตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 11 โมง หรือบางครั้งถึงเที่ยงวัน นอนเกือบ 12 ชั่วโมง แต่ตื่นมาก็ยังง่วงอยู่ตลอดเวลา สามารถหลับได้ทุกที่ แม้กระทั่งตอนดำน้ำ เธอยอมรับว่าในช่วงแรกไม่รู้ว่าทำไมเป็นแบบนั้น จนกระทั่งมารู้ภายหลังว่าอาการนอนเยอะเกินไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘โรคซึมเศร้า’

แจมเล่าว่ากรณีของเธอไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง แต่เป็นความผิดปกติของเคมีในสมอง ซึ่งอาจมีปัจจัยกระตุ้นมาจากการทำงาน เธอยอมรับว่าเป็นคนเครียดและจริงจังกับการทำงานมาก กลัวทำไม่ดี กลัวไม่เพอร์เฟ็กต์ กังวลกับคำพูดของคนรอบข้าง ทำให้เครียดโดยไม่รู้ตัว และความเครียดนี้เองอาจไปกดทับร่างกายและส่งผลต่อฟังก์ชันการหลั่งสารเคมีในสมอง ทำให้เกิดความผิดปกติขึ้น

เธอเล่าถึงจุดที่รู้สึกว่าผิดปกติคือการที่ทำงานอยู่ดีๆ ก็สติแตก ร้องไห้ ต้องเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อเรียกสติ ทั้งที่ไม่มีใครว่าหรือทำให้เสียใจ ซึ่งหมอบอกว่าอาการนี้อาจสะสมมาตั้งแต่เด็ก ประกอบกับการทำงานตั้งแต่อายุ 16 และเป็นคนเก็บอารมณ์ เสียใจก็เก็บไว้กับตัวเอง ทำให้มันสะสมมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่มันระเบิดออกมา

ปัจจุบัน แจมได้เรียนรู้วิธีจัดการกับอาการของโรคซึมเศร้า รวมถึงปัญหาการนอน โดยใช้วิธีการตั้งนาฬิกาปลุกและบังคับตัวเองให้ตื่นทันที และเมื่อได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ก็ทำให้เธอเข้าใจสาเหตุและวิธีการรับมือได้ดีขึ้น

เรื่องราวของ เนยและแจม Neko Jump เป็นอุทาหรณ์ที่แสดงให้เห็นว่าชีวิตในวงการบันเทิงอาจมีความท้าทายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ และการกล้าเผชิญหน้ากับปัญหา ตัดสินใจเปลี่ยนแปลง และหันมาดูแลสุขภาพกายและใจอย่างจริงจัง คือกุญแจสำคัญในการก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้

สามารถติดตามเรื่องราวเต็มๆ ได้ในรายการ “PrimeCast”  ทาง Facebook: Alive Dot และ Youtube : Alive Dot 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *