กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ณ โรงแรมโนโวเทล แพลตตินัม ประตูน้ำ กรุงเทพฯ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ได้กล่าวถึงกิจกรรมปราศรัยหาเสียงของพรรคฯ เพื่อสนับสนุนนายธีรวุฒิ แก้วฟอง หรือ ‘เหมา’ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ โดยยืนยันว่า พรรคประชาชนให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะสนามเลือกตั้งเทศบาล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการแก้ไขปัญหาใกล้ตัวประชาชน

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลเคยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ครั้งนี้ จึงเป็นความตั้งใจของพรรคฯ ที่จะพัฒนาเมืองเชียงใหม่ให้ดียิ่งขึ้น และหากได้รับเลือกตั้ง จะทำให้พรรคฯ มีอำนาจและงบประมาณในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคประชาชนสามารถเปลี่ยนความหวังให้เป็นความจริงได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการประเมินจำนวนเก้าอี้ที่คาดว่าจะได้รับ นายณัฐพงษ์ ตอบเหมือนเช่นเคยว่า ไม่สามารถประเมินเป็นจำนวนเก้าอี้ได้ โดยย้ำว่าทุกสนามเลือกตั้ง พรรคประชาชนตั้งความหวังไว้ทุกที่ ขึ้นอยู่กับความไว้วางใจของประชาชนว่าจะมอบให้มากน้อยเพียงใด

สำหรับกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เช่นเดียวกัน และอาจส่งผลต่อการแข่งขัน นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า พรรคพร้อมสู้ทุกสนามเลือกตั้ง ไม่ว่าใครจะลงพื้นที่ก็ตาม การที่มีบุคคลสาธารณะหรือนักการเมืองลงไปช่วยหาเสียง ถือเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากขึ้นเท่านั้น เพราะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและนโยบาย

ส่วนกลยุทธ์การหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคจะเน้นการสื่อสารความตั้งใจและผลลัพธ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ยกตัวอย่างนโยบายของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน (ซึ่งมาจากพรรคเดียวกัน) ที่แสดงให้เห็นว่าทุกอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น และในระยะเวลาอันสั้นก็สามารถส่งมอบผลงานที่เคยหาเสียงไว้ได้ ซึ่งผลงานเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ที่อยู่ติดกัน และเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ประชาชนเห็นศักยภาพของพรรคและหันมาเลือกพรรคประชาชนมากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคได้เข้าไปบริหารจัดการ

ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ได้พูดปรามาสนายณัฐพงษ์ว่าเป็น “หนุ่มสึ่งตึง” นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนคงไม่แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม คนที่เป็นผู้ใหญ่ทางการเมือง พูดอย่างไร สื่อสารอย่างไร ก็ขอให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ตนอยากให้เน้นไปที่การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านนโยบายและการหาเสียงเพื่อทำงานมากกว่า สำหรับคำพูดที่โยนมาในลักษณะนี้ ตนคงไม่มีความเห็นใดๆ เพิ่มเติม