“เต้น” ชี้ “ฮั้ว สว.” งานหยาบ หลักฐานเพียบ! จี้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไม่ปล่อยผ่าน ย้ำถึงเวลา “รัฐธรรมนูญใหม่”
“เต้น” ชี้ “ฮั้ว สว.” งานหยาบ หลักฐานเพียบ! จี้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไม่ปล่อยผ่าน ย้ำถึงเวลา “รัฐธรรมนูญใหม่”
กรุงเทพฯ – วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ต่อกรณีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ผ่านมา โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหาการ “จัดตั้ง จัดการ จัดฮั้ว” ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าตรวจสอบอย่างจริงจัง และไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป
นายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า ในช่วงที่มีการเลือก สว. ชุดนี้ มีผู้คนจำนวนมากวิเคราะห์ว่า ฝ่ายที่มีกระแสความนิยมจะได้รับชัยชนะและกวาดที่นั่ง สว. ได้เป็นจำนวนมาก แต่ตนเองกลับมีความเห็นต่างมาโดยตลอด และยืนยันว่า ด้วยรูปแบบของกติกาที่ถูกเขียนขึ้นโดยฝ่ายที่ไม่นิยมการเลือกตั้งนั้น จะเป็นช่องทางให้ฝ่ายจัดตั้ง หรือกลุ่มที่มีความช่ำชองในการจัดการทางการเมืองได้เปรียบอย่างมหาศาล ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นเช่นนั้นจริง ถึงกับทำให้ตนเองรู้สึกอึ้ง ที่เห็นการจัดตั้งและการฮั้วกันได้ถึงขนาดนี้ โดยมี สว. ที่มาจากการจัดตั้งมากกว่า 150 คน จากทั้งหมด 200 คน
ที่ปรึกษาของนายกฯ ระบุต่อไปว่า การฮั้วครั้งนี้ถือเป็น “งานหยาบ” และมี “หลักฐานเรี่ยราด” อยู่ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องพึ่งข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพียงแค่รับฟังคำบอกเล่าจากผู้สมัคร สว. ที่ไม่ได้เข้าร่วมขบวนการดังกล่าว ก็สามารถเห็นความชัดเจนได้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
นายณัฐวุฒิ เน้นย้ำว่า คดีการฮั้ว สว. ที่กำลังอยู่ในกระบวนการขณะนี้ ไม่ใช่เพียงแค่คดีการโกงเลือกตั้งโดยทั่วไป หรือเป็นเพียงเกมอำนาจระหว่างกลุ่มการเมืองสีแดงกับสีน้ำเงิน แต่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่งกว่านั้น คือการรักษาความสง่างามของระบบรัฐสภาและการปกป้องคุณค่าของระบอบประชาธิปไตย หากการเลือก สว. ด้วยวิธีการเช่นนี้สามารถลอยนวลไปได้จนครบวาระ จะทำให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปยิ่งเลวร้ายลงไปอีก อาจมีการจัดการที่ละเอียดซับซ้อนกว่าเดิม และอาจมีหลายกลุ่มใช้กลวิธีเดียวกัน แข่งขันกันฮั้ว จนท้ายที่สุดจะทำลายระบบทั้งหมด และสร้างความเสื่อมศรัทธาต่อกระบวนการรัฐสภา ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่สังคมไทยเคยเผชิญมาแล้วหลายครั้งในอดีต
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุดว่า เรื่องของการฮั้ว สว. นี้ เป็นประเด็นที่ควรถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปราย และเปิดเผยหลักฐานเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจมากที่สุด แต่เมื่อฝ่ายค้านเลือกที่จะเน้นเป้าหมายไปที่ตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ตนเองก็เข้าใจในยุทธวิธีนั้น อย่างไรก็ตาม นายณัฐวุฒิ ยืนยันว่า เรื่องการฮั้ว สว. ควรเป็น “วาระสังคม” ที่ต้องไม่ถูกปล่อยผ่าน
“เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ต้องตาบอดสี ไม่มีแดง น้ำเงิน หรือสีอื่นใด เดินให้สุดอย่างโปร่งใสต่อหน้าประชาชน” นายณัฐวุฒิ กล่าวย้ำถึงหลักการที่ควรใช้ในการตรวจสอบ พร้อมกล่าวว่า ตนเองรู้จัก สว. หลายท่านที่ได้รับการเลือกตั้ง และไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเข้าข่ายต้องข้อหาฮั้วบ้าง พร้อมเป็นกำลังใจให้แต่ละคนสามารถนำหลักฐานและข้อเท็จจริงมาชี้แจงได้
สำหรับฝ่ายการเมืองที่ถูกกล่าวหา นายณัฐวุฒิ ระบุว่า จนถึงขณะนี้ ทุกคนยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ หากถูกพาดพิงก็มีสิทธิ์ในการต่อสู้ ส่วนใครจะผิดหรือถูกยังคงไม่รู้ แต่สิ่งที่รู้แน่ชัดคือ “กระบวนการยุติธรรมต้องเดินหน้า”
ในตอนท้าย นายณัฐวุฒิ ได้สรุปว่า กติกาการเลือก สว. ที่เปิดช่องให้มีการจัดฮั้วได้ ความเน่าเปื่อยขององค์กรอิสระบางหน่วยงาน และข้อจำกัดอื่นๆ ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สังคมไทยกำลังต้องการ “รัฐธรรมนูญใหม่” เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและนำพาประเทศไปสู่ระบบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ความเห็นของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนและเป็นข้อท้วงติงสำคัญต่อกระบวนการเลือก สว. และภาพรวมของระบบการเมืองไทยในปัจจุบัน