เท้ง ณัฐพงษ์ ชี้ ‘นายกฯ อิ๊งค์’ สิ่งที่สำคัญกว่าไลฟ์ขายทุเรียน คือ ‘เปิดตลาดใหม่’ หวั่นพึ่งจีนประเทศเดียวเสี่ยงสูง

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เสนอแนะรัฐบาลให้เร่งหาตลาดส่งออกทุเรียนใหม่ๆ นอกเหนือจากประเทศจีน หลังนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ไลฟ์สดขายทุเรียน ชี้การพึ่งพิงตลาดเดียวมีความเสี่ยงสูง แนะพิจารณาตลาดใหญ่อย่างประเทศอินเดียเป็นทางเลือก

วันที่ 18 มีนาคม 2568 – นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ได้ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมของนายกรัฐมนตรี ที่ได้ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและมีการไลฟ์สดเพื่อช่วยโปรโมทและจำหน่ายผลผลิตทุเรียนเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศคู่ค้าหลักในการนำเข้าทุเรียนของไทยคือประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีความต้องการบริโภคทุเรียนสูง อย่างไรก็ตาม ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็เป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดนี้ และรัฐบาลเวียดนามเองก็มีนโยบายสนับสนุนเกษตรกรในประเทศของตนอย่างจริงจัง เช่น การอุดหนุนตามชนิดพืชที่ปลูก เพื่อส่งเสริมให้มีการปลูกพืชที่มีมูลค่าสูงขึ้น รวมถึงทุเรียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับไทย

สำหรับบริบทของประเทศไทย นายณัฐพงษ์มองว่า แม้ทุเรียนจะเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง และเกษตรกรไทยส่วนใหญ่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตนเอง จากความชื่นชอบและมองว่าทุเรียนเป็นสินค้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลยังไม่ได้ให้การสนับสนุนหรือยกระดับอย่างเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร

หัวหน้าพรรคประชาชนได้ให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลว่า สิ่งที่ควรทำมากกว่าการไลฟ์สด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยขยายตลาดที่มีอยู่แล้วเป็นหลัก คือการเร่งเปิดตลาดใหม่ๆ สำหรับทุเรียนไทย โดยยกตัวอย่างประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากและมีศักยภาพในการบริโภคสูง อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอินเดียหลายกลุ่มก็มีความคุ้นเคยกับการบริโภคอาหารและผลไม้ที่มีรสชาติจัดจ้าน จึงเป็นไปได้ที่จะมองหาทางเลือกใหม่ๆ นอกเหนือจากตลาดเดิมๆ

นายณัฐพงษ์เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการกระจายความเสี่ยง และเตือนว่าการพึ่งพิงตลาดประเทศจีนเพียงตลาดเดียวนั้นมีความเสี่ยงสูง เพราะเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลจีนมีมาตรการเปลี่ยนแปลงนโยบาย หรือการกีดกันทางการค้าสำหรับการนำเข้าทุเรียนจากประเทศไทย เราก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนักทันที เนื่องจากโครงสร้างการส่งออกส่วนใหญ่พึ่งพาตลาดเดียวนี้

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ นอกเหนือจากการช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มีคุณภาพและปริมาณมากขึ้นแล้ว คือการทำงานเชิงรุกเพื่อขยายตลาดส่งออกไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมทุเรียนไทยในระยะยาว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *