วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 – นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งออกทุเรียนไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วงฤดูกาลผลิตที่จะถึงนี้ โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ GACC เพื่อหารือและวางมาตรการอำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้การส่งออกทุเรียนไทยเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ในช่วงนี้ ถือเป็นช่วงที่ผลผลิตทุเรียนของไทยกำลังเข้าสู่ฤดูกาลออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก และเป็นที่ทราบกันดีว่าทุเรียนไทยได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศจีน ดังนั้น การบริหารจัดการและขั้นตอนการส่งออกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพื่อให้ทุเรียนคุณภาพดีจากเกษตรกรไทยสามารถส่งไปถึงมือผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างรวดเร็วและไม่ตกค้างที่ด่านนำเข้า

เพื่อตอบสนองต่อปริมาณความต้องการที่สูง และความเร่งด่วนในการส่งออกให้ทันเวลา กระทรวงเกษตรฯ ได้ประสานงานไปยังศุลกากรจีนโดยตรง เพื่อขอความร่วมมือให้กำชับด่านนำเข้าที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด่านหลักที่รับทุเรียนจากไทย ให้ปรับรูปแบบการทำงานเป็นการพิเศษ โดยจะเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน และตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังมีการขอให้เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ในการตรวจสอบเพิ่มเติมที่ด่าน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับปริมาณทุเรียนจำนวนมากในแต่ละวัน

นอกเหนือจากมาตรการดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายยังคงร่วมมือกันสำรวจมาตรการอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การดำเนินการด้านจำแนกประเภทสินค้า (Classification) และการดำเนินการในพิธีการศุลกากรโดยเร่งด่วน ซึ่งความร่วมมือและการทำงานอย่างใกล้ชิดของทั้งสองฝ่ายนี้ จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกทุเรียนไทยในปีนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี นางนฤมล ได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อ GACC และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของจีนเป็นอย่างสูง ที่ได้ให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกการนำเข้าทุเรียนไทยอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเจ้าหน้าที่ทำงานตลอดเวลา การขยายระยะเวลาเปิดปิดด่าน หรือการเพิ่มจำนวนห้องแล็บตรวจสอบที่ด่านนำเข้า

สำหรับประเด็นเรื่องการตรวจวิเคราะห์หาสาร Basic Yellow 2 (BY2) ในทุเรียนสด ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อกำหนดสำคัญก่อนส่งออกไปยังจีนนั้น นางนฤมล กล่าวถึงความพร้อมของประเทศไทยว่า ปัจจุบันเรามีห้องปฏิบัติการ (ห้องแล็บ) ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนและสามารถตรวจวิเคราะห์สาร BY2 ได้จำนวน 9 แห่ง จากเดิม 10 แห่ง โดยห้องแล็บ Central Laboratory (Thailand) Co., Ltd. สาขาจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งถูกระงับคุณสมบัติไปก่อนหน้านี้ ได้ยื่นหนังสือขอให้ทางจีนพิจารณาคืนสถานะ (Resume) แล้ว และอยู่ระหว่างการรอผลการพิจารณาจากทางจีน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีห้องแล็บที่พร้อมใช้งาน 9 แห่งในขณะนี้ รมว.เกษตรฯ แสดงความมั่นใจว่า ห้องแล็บจำนวนดังกล่าว มีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับปริมาณทุเรียนจำนวนมหาศาลที่จะถูกส่งออกไปยังประเทศจีนในช่วงฤดูกาลผลิตนี้ได้อย่างแน่นอน ทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่าทุเรียนไทยจะได้รับการตรวจสอบและส่งออกตามขั้นตอนได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องกังวลเรื่องความล่าช้าที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของทุเรียน