เลือกตั้งซ่อมนครศรีฯ เขย่าขั้วอำนาจ! ‘กล้าธรรม’ ชนะขาด ‘ภูมิใจไทย’ เปิดศึก ‘ตบจูบ’ รัฐบาล

ผลการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขต 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นวิเคราะห์ทางการเมืองที่เข้มข้นอย่างยิ่ง แม้จะเป็นการเลือกตั้งในพื้นที่จำกัดเพียง 4 อำเภอ มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 117,000 คน และมีผู้มาใช้สิทธิประมาณ 81,000 คน แต่ด้วยสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ทำให้ผลลัพธ์มีความหมายมากกว่าแค่การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น

ความพลิกโผครั้งสำคัญคือ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม ไม่สามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้ และพ่ายแพ้ให้กับพรรคกล้าธรรม ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหม่เอี่ยม ที่เพิ่งลงสนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรก แต่กลับสามารถปักธงในพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างน่าทึ่ง โดยผู้สมัครของพรรคกล้าธรรมคือ นายก้องเกียรติ เกตุสมบัติ อดีต สจ. สามารถเอาชนะคู่แข่งจากพรรคภูมิใจไทยไปได้อย่างท่วมท้น ด้วยคะแนนที่ห่างกันถึงหลักหมื่นคะแนน

ชัยชนะนี้ถูกมองว่ามาจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งคุณสมบัติของผู้สมัครเองคือ นายก้องเกียรติ ที่มีฐานเสียงเดิมในพื้นที่ ผนวกกับยุทธศาสตร์การหาเสียงที่นำโดยแกนนำพรรคกล้าธรรมอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ซึ่งสามารถดึงคะแนนเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่ทำให้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้มีความหมายทางการเมืองอย่างยิ่ง คือภาพความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยในรัฐบาลผสม ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงที่เรียกว่า ‘ตบจูบ’ คือมีทั้งการประนีประนอมและความขัดแย้ง ในสถานการณ์ที่ความขัดแย้งระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทยดูจะหนักหน่วงกว่าการประนีประนอมในหลายๆ นโยบาย ชัยชนะของพรรคกล้าธรรมที่นำโดย ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งมักปรากฏตัวใกล้ชิดกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงถูกตีความว่าเป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองและแสดงศักยภาพของกลุ่มการเมืองที่ยืนอยู่เคียงข้างพรรคเพื่อไทยอย่างมีนัยสำคัญ

เชื่อว่าผลงานของ ร.อ.ธรรมนัส ในสนามเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ คงทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง และชัยชนะของกล้าธรรมเหนือภูมิใจไทยในจังหวะเวลานี้ อาจส่งผลสะเทือนต่อการปรับสมดุลอำนาจภายในรัฐบาลได้ไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม การมองอีกมุมหนึ่ง ผลการเลือกตั้งซ่อมเพียงเขตเดียวนี้ อาจไม่ใช่ตัวชี้วัดภาพรวมของการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2570 ได้ทั้งหมด ปัจจัยทางการเมืองโดยรวมยังมีอีกมากมาย และความสัมพันธ์แบบ ‘ตบจูบ’ ในรัฐบาลก็คงดำเนินต่อไป

นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยแข็งแกร่งในภาคใต้ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ที่ผู้สมัครคือ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 4 ด้วยคะแนนประมาณ 4 พันกว่าคะแนน ถูกมองว่าเป็นการตอกย้ำภาวะตกต่ำ แต่เมื่อมองลงไปในรายละเอียด การเลือกตั้งสนามนี้สะท้อนภาพความอ่อนแอของพรรคประชาธิปัตย์ในส่วนของกลุ่มการเมืองที่ นายชวน หลีกภัย ผู้อาวุโสได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่

สรุปได้ว่า การเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราชครั้งนี้ แม้จะเป็นเพียงสนามเล็กๆ แต่ก็ฉายภาพความเคลื่อนไหวและแรงกระเพื่อมทางการเมืองที่น่าจับตาหลายประเด็น ทั้งการแจ้งเกิดของพรรคใหม่ ความท้าทายของพรรคเดิม และการปรับสมดุลอำนาจในรัฐบาลผสม ทำให้เห็นชัดว่า ใครกำลังโดดเด่น ใครกำลังอ่อนแรง และใครกำลังเผชิญภาวะวิกฤต

โดย: วงค์ ตาวัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *