กรุงเทพฯ – เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัว นาย Sai Harn (สาย ห่าน) อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฆาตกรรม หลังก่อเหตุยิง นายยุทธโรจน์ สุวรรณสุเมธ อายุ 70 ปี เจ้าของธุรกิจฟิตเนสเสียชีวิต โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บ้านพักในพื้นที่บางแค กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ต้องหาได้หลบหนีการจับกุมมาเป็นเวลา 3 วัน

รายงานข่าวแจ้งว่า การจับกุมตัวนาย Sai Harn เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 พฤษภาคม) ที่บริเวณซอยอ่อนนุช 65 ในพื้นที่เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้แกะรอยติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหามาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้น โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ประกาศตั้งรางวัลนำจับเป็นเงิน 20,000 บาท สำหรับผู้ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการจับกุม

เหตุการณ์ฆาตกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่ศาลได้ออกหมายจับนาย Sai Harn โดยมีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ นาย Sai Harn ได้โทรศัพท์ไปข่มขู่ น.ส.พงษ์ อายุ 18 ปี ภรรยาของตนเอง ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน และเป็นลูกจ้างของผู้เสียชีวิต โดยข่มขู่ว่าจะไปหาและทำร้ายถึงที่บ้านของนายจ้าง

น.ส.พงษ์ ซึ่งได้รับความหวาดกลัวอย่างมากเนื่องจากเคยถูกสามีทำร้ายร่างกายมาก่อน ได้แจ้งเรื่องราวและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อนายยุทธโรจน์ ผู้เป็นนายจ้าง เมื่อนาย Sai Harn เดินทางมาถึงและพยายามปีนเข้ามาภายในบริเวณบ้านพักของนายจ้าง นายยุทธโรจน์ ได้ออกมาเผชิญหน้ากับนาย Sai Harn พร้อมด้วยอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 โดยยืนยันว่าจะไม่ยอมให้นาย Sai Harn ได้พบกับ น.ส.พงษ์

รายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ได้เกิดการต่อสู้ยื้อแย่งอาวุธปืนขึ้นระหว่างนายยุทธโรจน์กับนาย Sai Harn ซึ่งในระหว่างการต่อสู้ชุลมุนดังกล่าว ได้เกิดปืนลั่นขึ้นหนึ่งนัด กระสุนพุ่งเข้าใส่นายยุทธโรจน์ เป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที

ภายหลังก่อเหตุ นาย Sai Harn ได้ฉวยโอกาสหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยังได้นำอาวุธปืนของผู้เสียชีวิตและรถยนต์ Honda CR-V สีเทาดำ ซึ่งเป็นของทรัพย์สินในบ้านพัก ติดตัวไปด้วย ญาติของผู้เสียชีวิตมาพบร่างของนายยุทธโรจน์ในอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา ทำให้ผู้ต้องหามีเวลาเพียงพอในการหลบหนีไปตั้งหลัก จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุดที่อ่อนนุช 65 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป