ครบ 1 เดือน แผ่นดินไหวเมียนมา: ย้อนรอยโศกนาฏกรรม สตง. ถล่ม ยอดผู้เสียชีวิต 62 ราย – คดีอาญา/พิเศษเร่งสอบหาผู้รับผิดชอบ

ในวันที่ 28 เมษายนนี้ จะครบรอบ 1 เดือนพอดี นับตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรง เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เหตุการณ์ดังกล่าวตามมาด้วยแผ่นดินไหวซ้ำขนาด 6.4 ตามมาตราแมกนิจูด ที่แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้เป็นบริเวณกว้างไกลไปถึงมณฑลยูนนานของจีน และกระทั่งกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

อุบัติภัยทางธรรมชาติครั้งนี้ นับเป็นเหตุการณ์ที่น่าสลดใจอย่างยิ่ง ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในเมียนมา ตามสถิติระบุว่านี่คือแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในเมียนมานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) และมีความรุนแรงเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ รองจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในพะโค เมื่อปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930)

สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้ใน 13 จังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางการไหวของแผ่นดิน ซึ่งความเสียหายที่พบในจังหวัดเหล่านี้มีไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนคือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะอาคารสูง อาคารราชการ โรงพยาบาล และคอนโดมิเนียมหลายแห่ง

ข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจความเสียหายอาคารของศูนย์รับแจ้งเพื่อตรวจสอบความเสียหายของอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว กรมโยธาธิการและผังเมือง (ยธ.) ณ วันที่ 25 เมษายน สรุปยอดรวมอาคารที่เข้าตรวจสอบทั้งสิ้น 9,856 อาคาร พบว่าส่วนใหญ่จำนวน 9,283 อาคาร ยังคงใช้งานได้ตามปกติ

นอกจากนี้ ยังมีอาคารอีก 498 อาคาร ที่ร่วมสำรวจกับหน่วยงานอื่นและองค์กรวิชาชีพ พบว่ามีความเสียหายไม่มากและยังสามารถใช้งานต่อได้ แต่ที่น่ากังวลคือมีอาคารจำนวน 75 แห่งที่ถูกสั่งระงับการใช้งาน เนื่องจากตรวจสอบพบว่าไม่ปลอดภัยและได้รับผลกระทบต่อโครงสร้างหลัก

เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายและสูญเสียอย่างรุนแรงในประเทศไทย คือกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขนาดความสูงกว่า 30 ชั้น ซึ่งพังถล่มลงมาเสียหายทั้งอาคาร

กรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการรื้อถอนอาคารและค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์ สตง. ถล่ม ได้รายงานยอดผู้ประสบเหตุล่าสุดว่า มีผู้ประสบเหตุรวม 103 ราย ในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย เสียชีวิตและพบศพแล้ว 62 ราย และยังคงอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 32 ราย

ในด้านการดำเนินคดีเพื่อหาตัวผู้เกี่ยวข้องให้มารับผิดชอบต่อเหตุการณ์อาคาร สตง. ถล่มนั้น แบ่งความรับผิดชอบเป็น 2 ส่วนหลัก คือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบการสอบสวนคดีอาญาและคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับสอบสวนในส่วนที่รับเป็นคดีพิเศษ

เป็นที่คาดหวังว่า ทั้งสองหน่วยงานจะประสานงานและร่วมมือกันในการทำคดีอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเร่งดำเนินการสอบสวนพยานหลักฐานอย่างรวดเร็ว เพื่อสามารถแจ้งข้อกล่าวหาและนำผู้ที่มีส่วนกระทำความผิดมารับโทษตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้นต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *