มุกดาหาร – กระทรวงคมนาคมเผยผลศึกษาชี้ไม่คุ้มค่าลงทุนก่อสร้าง ‘สนามบินมุกดาหาร’ เตรียมประสานกระทรวงต่างประเทศเจรจา สปป.ลาว พิจารณาใช้ ‘ท่าอากาศยานสะหวันนะเขต’ เป็นทางเลือกเชื่อมการเดินทางสู่มุกดาหาร คาดช่วยร่นระยะเวลาเดินทางเหลือเพียง 10 นาทีเท่านั้น

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) ที่จังหวัดมุกดาหาร ถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานมุกดาหาร

นายสุริยะกล่าวว่า จากการพิจารณาผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานมุกดาหาร ซึ่งดำเนินการโดยกรมท่าอากาศยาน (ทย.) พบว่าโครงการดังกล่าวมีความไม่คุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ การลงทุนก่อสร้างสนามบินในแต่ละพื้นที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจะต้องมีความคุ้มค่ากับการลงทุน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้เบรกโครงการก่อสร้างสนามบินมุกดาหารไว้ชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางในการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่จะเดินทางมายังจังหวัดมุกดาหาร โดยได้พิจารณาถึงท่าอากาศยานที่มีอยู่ใกล้เคียง พบว่าท่าอากาศยานที่ใกล้มุกดาหารมากที่สุดในประเทศไทยคือ ท่าอากาศยานสกลนคร แต่การเดินทางจากสกลนครมายังมุกดาหารยังคงต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งอาจไม่สะดวกเท่าที่ควร

ด้วยเหตุนี้ ทางกระทรวงคมนาคมจึงมีแนวคิดที่จะประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาเจรจากับฝ่ายสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในการขอใช้ท่าอากาศยานสะหวันนะเขต เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางมายังจังหวัดมุกดาหาร

นายสุริยะระบุว่า หากสามารถใช้ท่าอากาศยานสะหวันนะเขตใน สปป.ลาว ได้จริง จะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากสนามบินมายังจังหวัดมุกดาหารได้อย่างมหาศาล โดยคาดว่าจะใช้เวลาเพียงประมาณ 10 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะสะดวกและรวดเร็วกว่าการเดินทางจากท่าอากาศยานสกลนครอย่างมาก

การใช้ท่าอากาศยานสะหวันนะเขตนี้ถือเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพสูงในการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางและส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหารและกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 แม้โครงการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่จะต้องหยุดชะงัก แต่กระทรวงคมนาคมยังคงมองหาแนวทางอื่น ๆ เพื่อพัฒนาโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ต่อไป