สส. พรรคประชาชน เตือน กสทช. ประมูลคลื่นความถี่ เสี่ยงเสียประโยชน์ชาติ เอื้อรายใหญ่ จี้ทบทวนเพื่อประชาชน
สส. พนิดา มงคลสวัสดิ์ จากพรรคประชาชน ออกโรงเตือนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้พิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่าน ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายน 2568 โดยชี้ว่าการกำหนดราคาตั้งต้นอาจต่ำเกินไปจนเสี่ยงทำให้รัฐเสียประโยชน์มหาศาล และส่อแววเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ ขณะเดียวกันก็ปิดกั้นโอกาสของผู้เล่นรายใหม่ในตลาด
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ณ อาคารรัฐสภา น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ พรรคประชาชน ได้กล่าวถึงข้อกังวลเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสและความไม่เหมาะสมในการตั้งราคาประมูลคลื่นความถี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลื่นย่าน 2100 MHz และ 2300 MHz
น.ส.พนิดา ชี้แจงว่า ราคาตั้งต้นของคลื่นความถี่ดังกล่าวดูต่ำกว่าราคาตลาดและค่าใช้จ่ายที่บริษัทโทรคมนาคมต้องแบกรับในปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ การกำหนดราคาเช่นนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จำนวนมากที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ โดยที่ไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าประชาชนจะได้รับค่าบริการโทรคมนาคมที่ถูกลง หรือคุณภาพบริการที่ดีขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ น.ส.พนิดา ยังตั้งข้อสังเกตว่า การประมูลในครั้งนี้ดูเหมือนจะมีการตั้งเงื่อนไขที่จงใจเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการรายเดิมที่เป็นนายทุนรายใหญ่ และเป็นการปิดโอกาสการเข้ามาแข่งขันของผู้เล่นรายใหม่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมอย่างสิ้นเชิง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการแข่งขันเสรีและเป็นธรรมในตลาด
สส.พรรคประชาชน กล่าวต่อว่า กระบวนการประเมินราคาคลื่นความถี่ในครั้งนี้ใช้โมเดลที่ไม่โปร่งใสและไม่ได้คำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งสภาพตลาดในปัจจุบันที่มีผู้เล่นหลักเพียง 2-3 ราย การเปิดประมูลอาจไม่นำไปสู่การแข่งขันด้านราคาที่แท้จริง เนื่องจากผู้ประกอบการอาจเลือกที่จะแบ่งคลื่นกันตามที่เคยเช่าใช้เดิม โดยไม่มีการเสนอราคาที่สูงขึ้นเพื่อแข่งขันกัน
เปิด 4 แนวทาง สส.พนิดา จี้ กสทช. ปกป้องผลประโยชน์ประชาชน
เพื่อเป็นการปกป้องและคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ในนามพรรคประชาชน ได้เสนอแนวทางการดำเนินการต่อ กสทช. จำนวน 4 ข้อ ดังนี้
- ทบทวนราคาตั้งต้นให้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง: ควรพิจารณาปรับราคาตั้งต้นของการประมูลให้สูงขึ้นและสะท้อนมูลค่าทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของคลื่นความถี่ เนื่องจากคาดว่าการประมูลรอบนี้ผู้ประกอบการจะไม่แข่งขันเสนอราคาสูงขึ้นมากนัก ทำให้ราคาตั้งต้นกลายเป็นราคาที่ชนะการประมูล การตั้งราคาต่ำเกินไปจึงเท่ากับการที่รัฐจัดเก็บรายได้ได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก
- กำหนดเงื่อนไขให้บริษัทสะท้อนต้นทุนที่ลดลงในค่าบริการ: หากผู้ประกอบการได้คลื่นความถี่ไปในราคาที่ต่ำลง ควรมีกลไกหรือเงื่อนไขผูกมัดให้บริษัทเหล่านี้ต้องปรับลดค่าบริการลงเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคโดยตรง
- วางแผนการบริหารคลื่นเพื่อเปิดทางให้ผู้เล่นใหม่: กสทช. ควรมีแผนระยะยาวในการบริหารจัดการคลื่นความถี่เพื่อสร้างโอกาสและเงื่อนไขที่เอื้อให้ผู้ประกอบการรายใหม่สามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดได้ หลังจากการประมูลคลื่นความถี่ ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจะต้องขยายโครงข่ายโทรคมนาคมตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการใช้งานของประชาชนอย่างแท้จริง
- เปิดเผยข้อมูลการประเมินราคาอย่างโปร่งใส: กสทช. ควรเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดและวิธีการในการประเมินราคาตั้งต้นของการประมูลคลื่นความถี่ต่อสาธารณชน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้
สส.พนิดา เน้นย้ำว่า กสทช. ในฐานะองค์กรอิสระที่มีหน้าที่กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม ควรดำเนินการด้วยความโปร่งใส ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้งสูงสุด และทบทวนการตัดสินใจเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้ ก่อนที่จะสายเกินไปและเกิดความเสียหายต่อประเทศในระยะยาว