แฉ! พระครูฉาวนครศรีฯ เปลือยกายให้สีกาอาบน้ำถูหลังคาห้องน้ำ ชาวบ้านสุดทนบันทึกภาพก่อนพระหลบหนี
นครศรีธรรมราช – ชาวบ้านสุดทนพฤติกรรมฉาวโฉ่ของพระครูระดับเจ้าคณะปกครองในอำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช บันทึกภาพเป็นหลักฐานขณะพระครูและสีกาเปลือยกายอยู่ในห้องน้ำวัด โดยฝ่ายหญิงกำลังอาบน้ำและถูหลังให้ฝ่ายชายอย่างใกล้ชิด หลังทราบว่าถูกแฉ พระครูรูปดังกล่าวได้หลบหนีออกจากวัดไปแล้ว ขณะที่เจ้าคณะอำเภอรับเรื่องและกำลังดำเนินการทางวินัยสงฆ์
วันที่ 20 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงวัดแห่งหนึ่งในอำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการเผยแพร่ภาพที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อเอาผิดทางวินัยกับพระครูรูปหนึ่ง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นพระสังฆาธิการ และเป็นเจ้าคณะปกครองในระดับตำบลของอำเภอร่อนพิบูลย์ โดยภาพดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสื่อมเสียอย่างยิ่งต่อวงการผ้าเหลือง
ในภาพหลักฐานที่ชาวบ้านบันทึกไว้ พบว่าทั้งพระภิกษุและสีกาได้เปลือยกายอยู่ในห้องน้ำภายในวัด โดยมีลักษณะที่ฝ่ายหญิงกำลังอาบน้ำและช่วยถูหลังให้กับฝ่ายชายอย่างโจ่งแจ้ง ชาวบ้านผู้บันทึกภาพซึ่งไม่ประสงค์ออกนามด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เปิดเผยว่า พวกตนได้ติดตามพฤติกรรมนอกรีตของพระรูปนี้มาเป็นเวลานานแล้ว และพยายามหาหลักฐานร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่คนอื่นๆ แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ กระทั่งล่าสุดสามารถเข้าบันทึกภาพและคลิปเหตุการณ์นี้ได้อย่างชัดเจนภายในห้องน้ำของวัด
เหตุการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในหมู่ชาวบ้านและสังคมออนไลน์ หลายคนแสดงความเห็นว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้ทำให้ศาสนาเสื่อมลง แต่เป็นตัวบุคคลที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์หรือประพฤติตนไม่เหมาะสมต่างหากที่เป็นฝ่ายทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย โดยชี้ว่าผู้ที่เข้ามาบรรพชาอุปสมบทเป็นสงฆ์ควรจะต้องปฏิบัติตามพระวินัยบัญญัติที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ไม่ละเลยหรือไม่ปฏิบัติตาม และเรียกร้องให้ชาวพุทธทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ขับไล่คนพวกนี้ให้ออกไปจากวงการสงฆ์ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา
รายงานระบุว่า หลังจากพระครูรายนี้ทราบว่าถูกชาวบ้านบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก็ได้รีบเก็บข้าวของและหลบหนีออกจากวัดไปแล้วโดยไม่สามารถติดต่อได้ สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยชาวบ้านยืนยันว่าไม่ต้องการให้พระรูปนี้กลับมาเหยียบที่วัดนี้อีกต่อไป และได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะต้องจัดหาพระรูปใหม่มาเป็นเจ้าอาวาสหรือผู้ดูแลแทน
ด้าน พระครูสิริวัณณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทพนมเชือด ในฐานะเจ้าคณะอำเภอร่อนพิบูลย์ กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า ตนได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของคณะสงฆ์ทันที โดยได้รายงานเรื่องนี้ไปยังเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชตามลำดับชั้นการปกครองแล้ว เบื้องต้นได้มีการมอบหมายให้คณะทำงานของสงฆ์เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินของทางวัดว่ามีสิ่งใดสูญหายไปบ้างหรือไม่ หากพบความผิดปกติหรือมีสิ่งของของวัดสูญหาย ก็จะดำเนินการทางคดีความตามกฎหมายต่อไป ส่วนสถานะของพระครูที่ถูกกล่าวหานั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ และยอมรับว่าเหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของคณะสงฆ์ในพื้นที่อย่างยิ่ง
การหนีหายไปของพระครูรูปนี้ ทำให้กระบวนการสอบสวนและดำเนินการทางวินัยเป็นไปอย่างยากลำบากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางคณะสงฆ์และชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันว่าจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามพระวินัยและกฎหมายต่อไป และฟื้นฟูความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อวัดและพระพุทธศาสนาให้กลับคืนมา