หลวงพ่ออ้างป่วย ขยะล้นกุฏิ พบอุปกรณ์ยาบ้า? แม้ฉี่ไม่ม่วง ชาวบ้านไม่เอา เตรียมให้ออกจากวัดป่าอุดรฯ
หลวงพ่ออ้างป่วย ขยะล้นกุฏิ พบอุปกรณ์ยาบ้า? แม้ฉี่ไม่ม่วง ชาวบ้านไม่เอา เตรียมให้ออกจากวัดป่าอุดรฯ
อุดรธานี – ชาวบ้าน วัดป่าดอนตาล อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี สุดทน ร้องเรียนพฤติกรรมพระลูกวัดรูปหนึ่งที่ไม่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ อ้างป่วยเบาหวาน เก็บตัวในกุฏิ ไม่ฉันอาหารที่ชาวบ้านนำมาถวายจนบูดเน่า ขณะที่สภาพภายในกุฏิพบขยะและอาหารเน่าเสียเต็มพื้น คณะกรรมการหมู่บ้านเคยพบอุปกรณ์เสพยาในกุฏิพระอีกรูปก่อนหน้านี้ ฝ่ายปกครองพร้อมคณะสงฆ์เข้าตรวจสอบ แม้ผลตรวจปัสสาวะของพระรูปที่ถูกร้องเรียนล่าสุดจะไม่พบสารเสพติด แต่ชาวบ้านหมดศรัทธา เตรียมทำประชาคมให้ย้ายออกจากวัดภายในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้แล้ว ส่วนเจ้าอาวาสวัดที่ถูกชาวบ้านตั้งคำถามเรื่องการดูแลพระลูกวัด เตรียมหารือกับชาวบ้านอีกครั้งหากยังคงไม่ศรัทธา.
เหตุการณ์ดังกล่าวเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 โดยนายมานพ สุดตา ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.บ้านผือ พร้อมด้วยนายทรงวุฒิ วงค์ตาผา ปลัดอำเภองานปกครอง, นายคมสันต์ สุมังเกษตร กำนันตำบลโนนทอง และคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์ นำโดยพระครูวิมล วีระสุนทร เจ้าคณะตำบล เขต 2 ต.โนนทอง ได้เดินทางไปยังวัดป่าดอนตาล บ้านดอนตาล ต.โนนทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมพระสงฆ์ตามที่ได้รับการร้องเรียนจากคณะกรรมการหมู่บ้าน.
นายวันชัย ใจบุญ ผู้ใหญ่บ้านดอนตาล ได้ให้ข้อมูลถึงที่มาของการร้องเรียนว่า เริ่มต้นเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน หลังงานบุญเดือนสี่ ชาวบ้านไม่เห็นพระเดี่ยว พระลูกวัดอีกรูป (อายุประมาณ 30 ปี) ออกบิณฑบาต จึงให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาตรวจสอบที่กุฏิ แต่ไม่พบตัว กุฏิล็อกกุญแจ สอบถามพระในวัดก็ไม่ทราบ เมื่อเรียกคณะกรรมการวัดมาดูก็ตัดสินใจงัดกุฏิเข้าไป พบขยะจำนวนมากเต็มกุฏิ ไม่มีแม้ทางเดินและที่นอน จึงให้ชาวบ้านมาเก็บกวาดทำความสะอาด และพบอุปกรณ์การเสพยาในกุฏิพระเดี่ยว ซึ่งได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่พระเดี่ยวจะหนีออกจากวัดไป.
ผู้ใหญ่บ้านดอนตาล กล่าวต่อไปว่า ต่อมาเมื่อ 4-5 วันที่ผ่านมา พบพฤติกรรมผิดปกติของพระประเสริฐ อายุ 52 ปี พระลูกวัดอีกรูป ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้มา 3 ปี โดยไม่ยอมปฏิบัติกิจของสงฆ์เช่นกัน ไม่ออกบิณฑบาต ไม่รับนิมนต์ ขังตัวเองอยู่ในกุฏิ อ้างว่าป่วยเป็นเบาหวาน ชาวบ้านที่มาวัดนำอาหารใส่ถาดมาถวายถึงกุฏิ แต่ก็ไม่ยอมฉัน ปล่อยให้อาหารบูดเน่าคากุฏิ ไม่นำถาดอาหารไปไว้ที่โรงครัวเพื่อทำความสะอาด สร้างความเอือมระอาและหมดศรัทธาให้กับชาวบ้าน คณะกรรมการวัดจึงมาเยี่ยมพระประเสริฐ เพราะหากป่วยหนักจะได้พาไปโรงพยาบาล แต่หากไม่ได้ป่วยและเสพยาบ้าก็จะตรวจปัสสาวะ ซึ่งในครั้งนั้นพระประเสริฐรับสารภาพว่าเสพยาบ้า คณะกรรมการฯ ไม่ได้ไล่ออกทันที แต่ให้โอกาสกลับตัว แต่พฤติกรรมก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม.
เมื่อคณะเจ้าหน้าที่และคณะสงฆ์เดินทางไปถึงวัดในวันที่ 19 พฤษภาคม พบพระอธิการสุพรรณ ปุงคโว เจ้าอาวาสวัด ซึ่งเปิดเผยว่าวัดมีพระจำพรรษา 5 รูป พระเดี่ยวหนีไปแล้ว 1 รูป เหลือ 4 รูป พระประเสริฐบวชมา 5 ปี อยู่ที่วัดนี้ 3 ปี ปีแรกๆ เป็นพระพัฒนา แต่ต่อมาป่วยเบาหวานจึงไม่ออกบิณฑบาต และไม่ทราบว่าพระประเสริฐเสพยาหรือไม่ ก่อนที่เจ้าอาวาสจะโทรเรียกพระประเสริฐให้กลับมาที่วัดเพื่อตรวจสอบ.
เมื่อพระประเสริฐมาถึงวัด นายมานพ สุดตา ปลัดฝ่ายความมั่นคง ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำพระประเสริฐไปตรวจปัสสาวะ ซึ่งพระประเสริฐยินยอมไปตรวจโดยดี ท่ามกลางการลุ้นของคณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่ ผลการตรวจปรากฏว่าปัสสาวะปกติ ไม่เป็นสีม่วง.
นายวันชัย ผู้ใหญ่บ้าน ได้สอบถามพระประเสริฐถึงสาเหตุที่ไม่ออกบิณฑบาต พระประเสริฐให้เหตุผลว่าป่วยเป็นเบาหวาน รู้สึกวิงเวียน ไม่สามารถลุกขึ้นไปบิณฑบาตได้ คณะกรรมการฯ ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ป่วยจนไม่ออกไปศาลาฉันอาหาร แต่ทำไมตอนกลางคืนกลับเดินรอบวัดได้ทั้งคืน จึงขอตรวจกุฏิ.
นายคมสันต์ สุมังเกษตร กำนันตำบลโนนทอง ได้ให้พระประเสริฐไขกุญแจเปิดกุฏิ แต่พระประเสริฐพยายามบ่ายเบี่ยงพูดต่างๆ นานา เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้มีดพร้าทุบลูกกุญแจออก เมื่อประตูห้องเปิดออก เจ้าหน้าที่ถึงกับผงะ และเอามือปิดจมูกทันที เพราะกลิ่นบูดเหม็นเน่าของอาหารคละคลุ้งไปทั่ว ภายในห้องเต็มไปด้วยขยะ ถ้วยจานใส่อาหารที่ยังไม่ได้ล้างกองอยู่บนพื้น ขวดน้ำเปล่า ขวดน้ำดื่มเกลือแร่ และเศษขยะอื่นๆ กองสูงประมาณ 50 ซม. เหลือเพียงทางเดินไปที่นอนเล็กน้อย จากการตรวจค้นภายในกุฏิในครั้งนี้ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ. พระประเสริฐชี้แจงเพียงสั้นๆ ว่า “สาเหตุที่ห้องสกปรกแบบนี้ เพราะว่าตนป่วยเบาหวาน มีอาการวิงเวียน ทำให้ลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้องไม่ได้”.
ทางด้านพระครูวิมล วีระสุนทร เจ้าคณะตำบล กล่าวว่า ในเมื่อชาวบ้านมีความประสงค์ให้พระประเสริฐออกจากวัด ก็เห็นด้วยกับทางฝ่ายปกครองที่จะทำประชาคม ส่วนเรื่องที่กล่าวว่าเสพยา แม้ตรวจฉี่แล้วไม่พบสารเสพติด แต่พฤติกรรมที่ไม่ปฏิบัติตามกิจของสงฆ์ถือเป็นความผิดอาบัติ สามารถปลงอาบัติและปรับปรุงตัวได้ แต่ที่สุดก็แล้วแต่ศรัทธาของชาวบ้านว่าจะให้อยู่ต่อหรือไม่ ส่วนเรื่องเจ้าอาวาส หากชาวบ้านไม่ศรัทธาเรื่องการปกครองดูแลพระลูกวัด ก็ให้ทำประชาคมรวบรวมรายชื่อร้องเรียนไปยังสำนักพุทธศาสนา จ.อุดรธานี ได้ตามขั้นตอน.
นายมานพ สุดตา ปลัดฝ่ายความมั่นคง ได้สรุปผลการหารือว่า คณะกรรมการหมู่บ้านและคณะกรรมการวัดไม่ประสงค์ให้พระประเสริฐอยู่ที่วัดต่อไปแล้ว โดยมีเจ้าคณะตำบลและเลขาเจ้าคณะอำเภอมาเป็นพยาน ซึ่งพระประเสริฐเองก็ประสงค์จะย้ายออกจากวัดเองในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ โดยไม่ต้องมีการทำประชาคม ส่วนเรื่องเจ้าอาวาสวัด ผู้ใหญ่บ้านจะนำเรื่องไปหารือกับชาวบ้านอีกครั้ง หากชาวบ้านมีมติไม่ศรัทธาและต้องการให้ย้ายออก ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป.