พด. ชู ‘หมอดินราตรี’ เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี 68 ต้นแบบเกษตรอินทรีย์ผสมผสาน สู่คาร์บอนต่ำ
กรมพัฒนาที่ดินยกย่อง “หมอดินราตรี” เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประจำปี 2568 ชูเป็นต้นแบบเกษตรกรที่พลิกฟื้นชีวิตด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ผสมผสาน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และน้อมนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ จนประสบความสำเร็จในการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ขับเคลื่อนวิถีเกษตรคาร์บอนต่ำ และสร้างประโยชน์แก่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน (พด.) เปิดเผยว่า ในปี พ.ศ. 2568 กรมพัฒนาที่ดินได้รับมอบหมายให้ดำเนินการคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และได้คัดเลือก นางราตรี บัวพนัส หรือที่รู้จักในนาม “หมอดินราตรี” หมอดินอาสาประจำตำบลจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เป็นผู้ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ นอกจากนี้ เธอยังได้รับรางวัลชนะเลิศหมอดินอาสาดีเด่น กรมพัฒนาที่ดิน ประจำปี 2568 อีกด้วย
ความโดดเด่นของ “หมอดินราตรี” มาจากผลงานด้านการปรับปรุงบำรุงดิน การทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน รวมถึงบทบาทการเป็นผู้นำและถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง จากผลงานนี้ ทำให้เธอเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่จะได้เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี พ.ศ. 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2568 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
เรื่องราวของ “หมอดินราตรี” ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความไม่ย่อท้อ เธอเคยต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ ทั้งปัญหาด้านสุขภาพ ศัตรูพืช น้ำท่วม ภัยแล้ง และต้นทุนการผลิตที่สูงลิ่วจากการพึ่งพาสารเคมี ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจหันมาทำเกษตรอินทรีย์อย่างจริงจังบนพื้นที่ 60 ไร่ โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น” ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9
เธอได้บริหารจัดการพื้นที่ ดิน และน้ำ อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งประยุกต์ใช้นวัตกรรมต่าง ๆ ในการปรับปรุงบำรุงดิน เช่น การผลิตปุ๋ยหมักคุณภาพสูงจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 การทำน้ำหมักชีวภาพจากหญ้าเนเปียร์ การปลูกพืชปุ๋ยสดอย่างปอเทืองเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน นอกจากนี้ ยังได้ประดิษฐ์เครื่องมือไถกลบตอซังข้าวจากยางรถยนต์เก่า ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดการเผาในพื้นที่การเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ลดต้นทุน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และฟื้นฟูสุขภาพของดินได้อย่างยั่งยืน
พื้นที่การเกษตร 60 ไร่ของ “หมอดินราตรี” ได้รับการจัดสรรแบ่งเป็น 2 ส่วน เพื่อทำการเกษตรแบบผสมผสานตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ประกอบด้วย:
- ส่วนที่ 1 (พื้นที่ 42 ไร่ 3 งาน): เน้นการทำเกษตรคาร์บอนต่ำ ลดการใช้สารเคมี ปลูกข้าวสลับกับการปลูกพืชหมุนเวียนหลังนา เช่น ปอเทืองและถั่วเขียว เพื่อบำรุงดินและสร้างรายได้เสริม
- ส่วนที่ 2 (พื้นที่ 16 ไร่ 1 งาน): ทำเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสานครบวงจร มีทั้งปลูกข้าวสลับพืชหมุนเวียนหลังนา (ปอเทือง, ถั่วเขียว), ปลูกพืชผักสวนครัวหลากหลายชนิด, เลี้ยงปลา, เลี้ยงไก่ และเป็นพื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัย
จากการเปลี่ยนมาใช้วิธีการผลิตแบบอินทรีย์และผสมผสานนี้ ทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง จากเดิมที่ได้ 800 – 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 1,150 – 1,250 กิโลกรัมต่อไร่ในปัจจุบัน ซึ่งนำไปสู่การสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงแค่ประสบความสำเร็จในแปลงของตนเอง “หมอดินราตรี” ยังเป็นผู้ก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน “สวนพ่อสอน” เพื่อรวมกลุ่มเกษตรกรในการผลิตข้าวอินทรีย์และพืชผักปลอดภัย รวมถึงมีการทำข้อตกลง (MOU) เพื่อส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูป เช่น ข่า ตะไคร้ ขมิ้น และใบเตยอบแห้ง นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้หลากหลายรูปแบบ เช่น ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน ศูนย์เกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) และศูนย์เรียนรู้โคก หนอง นา เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ให้แก่เกษตรกรในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง
ด้วยผลงานอันโดดเด่นและการอุทิศตนเพื่อส่วนรวมนี้ ทำให้นางราตรีได้รับรางวัลสำคัญอีกหลายรางวัล เธอทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานที่ดีระหว่างเกษตรกร หมอดินอาสา และเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาที่ดิน ด้วยจิตอาสาและเสียสละ ซึ่งได้สร้างประโยชน์อย่างมหาศาลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้แก่ชุมชนของเธอและประเทศชาติ