รมว.ทส. ‘เฉลิมชัย’ ลงพื้นที่ภูเก็ต ติดตามแก้ ‘กัดเซาะหาดทรายแก้ว’ ชู ‘โครงสร้างอ่อน’ ปักรั้วไม้ได้ผลดี ย้ำแก้ปัญหายั่งยืน

ภูเก็ต – เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมด้วย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และคณะผู้บริหาร ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายหาดบริเวณหาดทรายแก้ว ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ

การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการติดตามผลจากการที่ รมว.ทส. เคยมาตรวจสภาพพื้นที่และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยปัญหาการกัดเซาะชายหาดบริเวณหาดทรายแก้ว ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุม

ดร.เฉลิมชัย เปิดเผยว่า ได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ถึงปัญหาความยากลำบากในการสัญจรผ่านเส้นทางบริเวณหาดทรายแก้วในช่วงมรสุม โดยเฉพาะเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา ปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากกระแสน้ำที่พัดเอาตะกอนทรายออกจากชายฝั่ง ทำให้เกิดการกัดเซาะชายหาดเป็นระยะทางกว่า 7.3 เมตร ต้นสนริมหาดล้มจำนวนมาก และบางช่วงคลื่นลมแรงยังพัดน้ำทะเลขึ้นมาถึงถนน ทำให้การจราจรติดขัดและส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน หากปล่อยทิ้งไว้ ปัญหานี้จะยิ่งรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นพื้นที่วิกฤต

จากการรับฟังปัญหาในครั้งก่อนหน้า รมว.ทส. ได้มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกันประเมินและกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม

“จากการศึกษารูปแบบการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่กระทรวงฯ มีอยู่หลายวิธี พบว่า การใช้โครงสร้างอ่อน (Soft Structure) โดยเฉพาะการใช้ไม้ปักเป็นแนวรั้วธรรมชาติ เป็นรูปแบบที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาได้ดี โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง” ดร.เฉลิมชัย กล่าว

รมว.ทส. ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการว่า ในวันนี้ที่ลงมาตรวจเยี่ยม พบว่าได้มีการดำเนินการปักแนวไม้เป็นแนวรั้วซิกแซกไปแล้วประมาณ 300 เมตร ซึ่งผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการสะสมของตะกอนทรายบริเวณด้านหน้าแนวไม้ไผ่เฉลี่ย 30-50 เซนติเมตร (หมายเหตุ: แก้ไขหน่วยจากเมตรเป็นเซนติเมตรเพื่อให้สมจริงตามการสะสมทราย) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวทางนี้ได้ผลจริง

จากความสำเร็จที่เห็น รมว.ทส. จึงได้มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินโครงการเพิ่มเติมเพื่อให้การแก้ไขปัญหาครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยจะดำเนินการปักแนวไม้เพิ่มเติมไปทางด้านซ้ายของชายหาดอีก 1,000 เมตร และปักเพิ่มทางด้านขวาอีก 150 เมตร รวมเป็นระยะทางที่ปักแนวไม้ทั้งหมด 1,450 เมตร

“เราต้องการให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาให้กับพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน และเป็นต้นแบบของการใช้โครงสร้างอ่อนในการฟื้นฟูและป้องกันการกัดเซาะชายหาด” ดร.เฉลิมชัย กล่าวทิ้งท้าย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *