วงการสื่อสารมวลชนไทยเผชิญมรสุมอีกครั้ง เมื่อมีรายงานข่าวสะเทือนวงการว่า สื่อช่องโทรทัศน์รายใหญ่ 2 แห่ง ได้ประกาศมาตรการปรับลดจำนวนพนักงานลงนับร้อยคน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในทันทีภายในสิ้นเดือนเมษายน ปี 2568 นี้ ท่ามกลางสถานการณ์สื่อที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

รายงานข่าวที่สร้างความตกใจให้กับบุคลากรในแวดวงสื่อ ระบุว่า ช่องโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งได้แจ้งให้พนักงานจำนวนมากถึงกว่าร้อยคน ซึ่งกระจายอยู่เกือบจะทุกแผนกขององค์กร เตรียมตัวรับการเลิกจ้าง โดยบางกระแสข่าวระบุว่าอาจมีจำนวนมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การปรับลดจำนวนพนักงานในครั้งนี้เกิดขึ้นในหลากหลายแผนกอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการหารายได้ขององค์กร, ฝ่ายการตลาด ที่มีบทบาทในการสร้างแบรนด์และโปรโมทรายการ, ฝ่ายขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล และแม้กระทั่งฝ่ายข่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีรายงานการทยอยปรับลดจำนวนพนักงานออกไปแล้วบางส่วน

สำหรับการดำเนินการเลิกจ้างในช่องแรกนี้ ทราบว่าทางผู้บริหารได้มีการแจ้งให้พนักงานที่เข้าข่ายต้องออกจากงาน ได้รับทราบล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 1 เดือน ตามกฎหมายแรงงาน และจะมีการจ่ายเงินชดเชยตามสิทธิ์ที่พนักงานพึงจะได้รับ

ในขณะเดียวกัน รายงานข่าวอีกชิ้นก็ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์คล้ายคลึงกันที่เกิดขึ้นกับสื่อช่องโทรทัศน์ใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญเช่นกัน การปรับโครงสร้างดังกล่าวส่งผลให้มีความจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลงบางส่วน และเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบ ทางช่องได้มีการเปิดโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดขึ้น

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการเรียกพนักงานบางส่วนเข้ามาเพื่อแจ้งให้ทราบถึงความจำเป็นในการขอให้ลาออกก่อนกำหนดอีกด้วย ซึ่งมาตรการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามขององค์กรสื่อในการปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายของยุคสมัย ทั้งในแง่ของรายได้จากโฆษณาที่ลดลง การแข่งขันกับแพลตฟอร์มดิจิทัล และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับทั้งสองช่องทีวีรายใหญ่นี้ ตอกย้ำถึงความเปราะบางของอุตสาหกรรมสื่อดั้งเดิมในยุคดิจิทัล และสร้างความกังวลใจให้กับบุคลากรในวงการที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนในอาชีพการงาน