กรุงเทพฯ – จากกรณีสะเทือนใจ เหตุการณ์หญิงสาวถูกทำร้ายจนเสียชีวิตภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง โดยผู้ก่อเหตุคือภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน ด้วยสาเหตุมาจากความหึงหวงสามี ซึ่งข่าวเบื้องต้นระบุว่าผู้เสียชีวิตอาจเป็นเมียน้อย ตามที่เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 21 เมษายน 2568 ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ คุณแม่และญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาติดต่อขอรับศพลูกสาวเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ท่ามกลางบรรยากาศความโศกเศร้าเสียใจ

คุณแม่ของผู้เสียชีวิตได้เปิดใจกับสื่อมวลชน โดยยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ลูกสาวของตนไม่ได้เป็นเมียน้อยตามที่สังคมเข้าใจผิด เนื่องจากลูกสาวเพิ่งจะรู้จักและพูดคุยกับฝ่ายชายได้เพียงแค่ประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งระยะเวลาเพียงแค่นี้ยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเมียด้วยซ้ำ

คุณแม่ยังได้ตั้งคำถามถึงความยุติธรรมที่ลูกสาวควรจะได้รับ และเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า ทำไมฝ่ายชายซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ถึงไม่ออกมาช่วยเหลือลูกสาวของตนในขณะเกิดเหตุการณ์รุนแรง และทำไมเพื่อนของผู้หญิงท้องซึ่งเป็นสาวประเภทสองที่อยู่ในเหตุการณ์ ถึงได้ยืนถ่ายคลิปวิดีโอเฉยๆ โดยไม่เข้าไปห้ามปรามหรือให้การช่วยเหลือ

ด้านเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิต ก็ได้ให้ข้อมูลสอดคล้องกันว่า ฝ่ายชายได้บอกกับเพื่อนว่าเลิกรากับภรรยาคนดังกล่าวได้ไม่นาน ทำให้เพื่อนจึงตัดสินใจพูดคุยกับฝ่ายชาย แต่ยืนยันว่าเพิ่งเริ่มคุยกันได้ประมาณ 1 สัปดาห์จริง ก่อนจะมาเกิดเหตุการณ์สลดขึ้น เพื่อนยังเล่าอีกว่า ฝ่ายหญิง (ผู้ก่อเหตุ) เคยมาบอกกับเพื่อนของตน (ผู้เสียชีวิต) ด้วยตัวเองว่า ขอให้เลิกยุ่งกับฝ่ายชาย ซึ่งเพื่อนของตนก็ได้พูดคุยกับฝ่ายชายแล้วว่าให้กลับไปอยู่กับภรรยา แต่ฝ่ายชายยืนยันว่าจะไม่กลับไปแล้ว เพราะเลิกขาดกันแล้ว

ขณะที่ คุณพ่อของผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยว่า เพิ่งจะผ่านวันคล้ายวันเกิดของลูกสาวไปเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา โดยหลังจากเกิดเหตุ ท่านมีโอกาสได้พบกับสามีของผู้ก่อเหตุ ซึ่งคุณพ่อมองว่าเป็นตัวต้นเรื่องของปัญหาทั้งหมด ฝ่ายชายได้เข้ามาก้มกราบเท้าเพื่อขอขมา พร้อมกับชี้แจงว่าตนเองได้เลิกรากับผู้ก่อเหตุไปแล้ว แต่ฝ่ายหญิงยังคงตามหึงหวงอยู่ ซึ่งในครั้งนั้น ฝ่ายชายได้มอบเงินจำนวน 20,000 บาท ให้กับครอบครัวเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพลูกสาว

เหตุการณ์นี้อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ซึ่งได้ดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีให้ครบถ้วนสมบูรณ์ต่อไป