น้อมรำลึก 56 ปีมรณกาล “หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ” พระเกจิเมืองอุดรฯ ศิษย์เอกหลวงปู่มั่น

วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบรอบ 56 ปี แห่งการละสังขารของ “หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ” อดีตเจ้าอาวาสวัดประสิทธิธรรม ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคอีสาน และเป็นหนึ่งในศิษยานุศิษย์องค์สำคัญของพระอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่สาธุชนจำนวนมากให้ความเคารพศรัทธา

หลวงปู่พรหม มีนามเดิมว่า พรหม สุภาพงษ์ ท่านถือกำเนิดเมื่อวันอังคาร ปี พ.ศ. 2431 ปีขาล ณ บ้านตาล ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เป็นบุตรคนแรกของนายจันทร์และนางวันดี สุภาพงษ์ ซึ่งมีอาชีพเป็นชาวนาชาวไร่ ท่านเติบโตขึ้นท่ามกลางธรรมชาติแห่งท้องทุ่งนาและป่าดง ตั้งแต่เยาว์วัย ท่านมีความสงสัยและครุ่นคิดอยู่เสมอว่า ชีวิตที่เกิดมานี้ จะแสวงหาความสุขที่แท้จริงได้อย่างไร อะไรคือความสุข และความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ไหน

เมื่ออายุ 20 ปี ท่านได้ครองเรือนกับภรรยาคนแรกชื่อ พิมพา และย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านดงเย็น ทั้งคู่มีบุตรชาย 1 คน แต่โศกนาฏกรรมได้เกิดขึ้น เมื่อภรรยาและบุตรชายได้เสียชีวิตลงพร้อมกัน เหตุการณ์นี้ทำให้ท่านตระหนักถึงความไม่เที่ยงและความทุกข์ แต่กระนั้น ชีวิตฆราวาสก็ยังคงดำเนินต่อไป ท่านมีภรรยาคนที่ 2 ชื่อ นางกำแพง อยู่กินกันนาน 5 ปี แต่ไม่มีบุตร ต่อมา ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านดงเย็น และเป็นผู้นำในการเลี้ยงโค-กระบือในสมัยนั้น

จุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตคือเมื่อพระอาจารย์สารได้เดินทางมาที่บ้านดงเย็น และแสดงธรรมอบรมสั่งสอนชาวบ้าน ด้วยจิตที่เปี่ยมด้วยศรัทธาและปัญญา นายพรหม สุภาพงษ์ จึงตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบทในปี พ.ศ. 2469 ขณะมีอายุได้ 37 ปี ณ วัดโพธิ์สมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระครูประสาทคุณานุกิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “จิรปุญโญ”

หลังอุปสมบท ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรม เรียนรู้ข้อวัตรปฏิบัติ และออกเดินธุดงค์เท้าเปล่าร่วมกับพระอาจารย์สารเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นจึงลาพระอาจารย์เพื่อเดินธุดงค์ไปทั่วภาคอีสานและประเทศลาว โดยมีหลานชายร่วมเดินทางไปด้วย ต่อมา เมื่อมีความตั้งใจจะเดินทางไปภาคเหนือเพื่อแสวงหาหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านได้ร่วมเดินทางไปพร้อมกับ “หลวงปู่ชอบ ฐานสโม” ซึ่งเป็นพระสหธรรมิกที่ถือเป็นเพชรน้ำเอกในสายกรรมฐานเช่นกัน

เมื่อได้พบกับหลวงปู่มั่นแล้ว ท่านได้รับฟังโอวาทและประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะออกธุดงค์ต่อไปพร้อมกับ “หลวงปู่ขาว อนาลโย” ไปยังสถานที่ต่างๆ ในภาคเหนือ และในเวลาต่อมา ท่านได้มาจำพรรษาและศึกษาพระธรรมกับหลวงปู่มั่นอีกครั้งที่วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร จนกระทั่งจิตใจเกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในธรรม

หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ได้สั่งสอนอบรมคณะศิษย์และสาธุชนเสมอมา โดยเน้นย้ำให้ทุกคนจงทำแต่ความดีอันเป็นประโยชน์ และจงละเว้นความชั่วทั้งปวง เพราะความชั่วนั้นรังแต่จะนำมาซึ่งโทษ ท่านสอนให้มีสติปัญญา พิจารณาไตร่ตรองให้มีทาน มีศีล และมีภาวนา ซึ่งการปฏิบัติเหล่านี้จะนำพาให้เกิดปัญญาธรรมอันล้ำค่ามหาศาล

แม้ในสมัยก่อน การคมนาคมสู่วัดประสิทธิธรรมจะยากลำบาก ถนนหนทางไม่สะดวกเท่าปัจจุบัน และต้องเดินทางผ่านป่าไม้อันหนาแน่น แต่กระนั้น บรรดาสาธุชนจากทั่วสารทิศก็ยังคงเดินทางไปกราบมนัสการหลวงปู่พรหมอย่างไม่ย่อท้อ ผู้ที่เดินทางไปทำบุญหรือมีสิ่งหวังตั้งใจในใจ มักจะได้รับการตักเตือนสติจากท่านทันทีเมื่อพบหน้า ดังโอวาทที่ท่านกล่าวว่า “การที่จะทำบุญทำทานนั้นต้องมีใจตั้งมั่นและให้เกิดศรัทธาในบุญกุศลทานเสียก่อน ถ้าไม่ศรัทธา ใจไม่ตั้งมั่นแล้ว… อย่าทำ…จะไม่มีอะไรดีขึ้นเลย..”

ท่านยังแสดงปัญญาญาณในการรู้ใจคน บางครั้งญาติโยมชาย-หญิงที่เดินทางไปถึง ได้เดินชมวัดและพูดคุยโอ้อวดถึงความตั้งใจที่จะมาสร้างนั่นสร้างนี่ หรือกระทำเพื่อหวังผล หรือหวังเพียงเข้าหาตัวท่าน หลวงปู่พรหมก็จะตักเตือนในทำนองว่า หากไม่มีศรัทธาที่แท้จริง มีเจตนาเป็นอื่น ก็ไม่ควรทำ

แต่หากมีญาติโยมผู้ใดเดินทางไปกราบมนัสการด้วยเจตนาที่ดี มองเห็นคุณค่าและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่ส่วนรวมอย่างแท้จริง แม้ยังไม่ได้บอกกล่าวถึงความตั้งใจนั้นเลย หลวงปู่พรหมก็สามารถรู้ด้วยจิตภายใน ท่านจะอนุโมทนาและกล่าวสนับสนุนในเบื้องต้นว่า “ท่านมีเจตนาดีก็ทำไปเถิด เพราะสิ่งนั้นเป็นบุญเป็นกุศล”

หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ได้ละสังขารลงอย่างสงบเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 สิริอายุ 81 ปี พรรษา 44 การครบรอบ 56 ปีแห่งมรณกาลในปีนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ศิษยานุศิษย์และผู้มีจิตศรัทธาจะได้น้อมรำลึกถึงคุณูปการ คำสอน และวัตรปฏิบัติอันงดงามของท่าน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *