หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง: ตำนานพระเกจิแห่งเมืองนนท์ ผู้สร้างพระปิดตา “เบญจภาคี”
นนทบุรี – หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม (อ่านว่า ปะถะมะนามะ หรือ ปถมนาม) แห่งวัดสะพานสูง ตำบลบางพลับ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นพระเกจิชื่อดังที่ชาวเมืองนนท์และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศต่างให้ความเลื่อมใสศรัทธาในปฏิปทาและวิทยาคมของท่าน ชื่อเสียงของหลวงปู่เอี่ยมโด่งดังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังที่ท่านสร้างขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พระปิดตา” ซึ่งได้รับการยกย่องเข้าทำเนียบเป็นหนึ่งใน “ชุดเบญจภาคีพระปิดตา” สุดยอดปรารถนาของนักสะสมพระเครื่อง
พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม: พุทธคุณเลื่องลือ
พระปิดตาของหลวงปู่เอี่ยมนั้น สร้างขึ้นจากมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเก็บสะสมไว้เป็นจำนวนมากระหว่างการออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ มวลสารเหล่านี้ประกอบด้วยว่านและรากไม้ที่มีพุทธคุณเด่น นำมาบดผสมกับเนื้อผงพุทธคุณที่เกิดจากการลบพระคาถาและพระยันต์อันเข้มขลัง อาทิ พระยันต์อิติปิโส, พระยันต์ไตรสรณคมน์ และพระยันต์โสฬสมหามงคล
ลักษณะของเนื้อพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยมจะมีสีสันวรรณะออกเป็นสีมะขามเปียก มีความหนึกนุ่ม แลดูมีคราบขาวกระจายอยู่ทั่วไป เมื่อทำเป็นองค์พระแล้ว มักจะมีการทาหรือชุบด้วยน้ำรักอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความคงทนและเพิ่มความสวยงาม
รูปแบบและพิมพ์ทรง
พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยมเป็นพระปิดตาแบบลอยตัว องค์พระประทับนั่ง แสดงปางสมาธิราบ ยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระเนตร โดยมีพบแบบครึ่งซีกบ้างแต่น้อย ขนาดขององค์พระมีทั้งเล็กและใหญ่ แต่โดยส่วนมากมักจะออกใหญ่และล่ำสัน ซึ่งดูงดงามไปอีกแบบ
พิมพ์ทรงของพระปิดตาแบ่งออกเป็น 2 พิมพ์หลักๆ ที่คนรุ่นเก่าเรียกขานว่า พิมพ์ว่าวจุฬาใหญ่ และ พิมพ์ว่าวจุฬาเล็ก แต่วงการพระเครื่องในปัจจุบันนิยมเรียกตามลักษณะองค์พระว่า พิมพ์ชะลูด และ พิมพ์ตะพาบ โดยพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ พิมพ์ชะลูด
- พิมพ์ชะลูด (พิมพ์ว่าวจุฬาใหญ่): สันนิษฐานว่าเป็นพระปิดตารุ่นแรก สร้างขึ้นเพื่อนำปัจจัยไปสร้างอุโบสถ องค์พระมีลักษณะสูงเล็กและเพรียว ดูสง่างาม พระหัตถ์ที่ยกปิดพระเนตรจะยกข้อพระกรขึ้นสูงกว่าพิมพ์ตะพาบ ข้อศอกจะเว้าเข้าหาบั้นพระองค์เล็กน้อย มีพระอุทร (ท้อง) พลุ้ย และปรากฏพระนาภี (สะดือ) ให้เห็น พระบาทขวาทับพระบาทซ้ายในลักษณะเฉียงขึ้นด้านบนเล็กน้อย ด้านหลังองค์พระเป็นแบบเรียบและโค้งมน
- พิมพ์ตะพาบ (พิมพ์ว่าวจุฬาเล็ก): องค์พระมีลักษณะล่ำสันเทอะทะ ดูใหญ่คล้ายตะพาบน้ำ ข้อศอกจะชิดกับพระเพลา ซึ่งพระเพลา (ตัก) จะกว้างกว่าในพิมพ์ชะลูด
ประวัติและเส้นทางธรรม
หลวงปู่เอี่ยม เกิดในปีฉลู พ.ศ. 2359 ตรงกับรัชกาลที่ 2 ท่านเป็นบุตรของนายนาคและนางจันทร์ มีพี่น้องร่วมกัน 4 คน บ้านเกิดอยู่ที่ตำบลบานแหลมใหญ่ (ปัจจุบันคือคลองพระอุดม) ฝั่งใต้ข้างวัดท้องคุ้ง อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
เมื่ออายุ 22 ปี ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดบ่อ ตำบลปากเกร็ด หลังจากบวชได้ประมาณ 1 เดือน ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดกัลยาณมิตร ธนบุรี ซึ่งในขณะนั้นมีพระพิมลธรรม (พร) เป็นเจ้าอาวาส และได้ศึกษาพระปริยัติธรรม รวมถึงแปลพระธรรมบท ณ วัดแห่งนี้เป็นเวลา 7 พรรษา ก่อนจะย้ายไปจำพรรษาต่อที่วัดประยุรวงศาวาส
สู่การปกครองวัดสะพานสูง
ในปี พ.ศ. 2396 ญาติโยมและชาวบ้านในภูมิลำเนาเดิมที่คลองแหลมใหญ่ ได้อาราธนานิมนต์หลวงปู่เอี่ยมให้กลับไปปกครองดูแลวัดสว่างอารมณ์ ซึ่งก็คือ “วัดสะพานสูง” ในปัจจุบัน
ที่มาของการเปลี่ยนชื่อวัดจากสว่างอารมณ์เป็นวัดสะพานสูงนั้น มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ในสมัยนั้นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เสด็จมาตรวจการคณะสงฆ์ และเสด็จขึ้นที่วัดสว่างอารมณ์นี้ พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นสะพานสูงที่ทอดยาวข้ามคลองวัด (คลองพระอุดม) ประกอบกับชาวบ้านนิยมเรียกวัดนี้ว่า “วัดสะพานสูง” มาก่อนแล้ว พระองค์จึงทรงเห็นว่าสะพานสูงนี้เป็นนิมิตหมายอันดีประจำวัด และเป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันติดปาก จึงได้ประทานเปลี่ยนชื่อวัดสว่างอารมณ์เป็น “วัดสะพานสูง” อย่างเป็นทางการตั้งแต่นั้นมา
จากศรัทธาสู่การพัฒนาวัด
ในช่วงแรกที่หลวงปู่เอี่ยมย้ายมาอยู่วัดสะพานสูงนั้น วัดมีพระจำพรรษาอยู่เพียง 2 รูปเท่านั้น หลังจากจำพรรษาได้ 8 เดือนก่อนเข้าพรรษา หลวงพิบูลยสมบัติ ซึ่งเป็นอุบาสกผู้มีจิตศรัทธา ได้เดินทางมานมัสการและปรารภถึงความลำบากในการทำอุโบสถและสังฆกรรม เนื่องจากอาคารสถานที่เดิมชำรุดทรุดโทรมมาก จึงมีความประสงค์ที่จะสร้างถาวรสถานให้แก่วัด หลวงพิบูลยสมบัติจึงได้บอกบุญเรี่ยไรเงินเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างอุโบสถและเสนาสนะต่างๆ
นี่เองจึงเป็นที่มาและเป็นที่เข้าใจกันว่า หลวงปู่เอี่ยมได้เริ่มสร้างวัตถุมงคลคือ “พระปิดตา” และ “ตะกรุด” ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นของชำร่วยแก่ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคทรัพย์และสิ่งของในการก่อสร้างอุโบสถและถาวรสถานต่างๆ ของวัดในครั้งนั้น
มรดกธรรมและศรัทธา
หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง เป็นพระเกจิผู้เชื่อกันว่ามีวิทยาคมเข้มขลัง มีวาจาสิทธิ์ และเป็นผู้ที่สมถะ มักน้อย สันโดษ ท่านเป็นต้นแบบในการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและแม้แต่เจ้านายผู้ใหญ่ในพระนคร มีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วประเทศ
ท่านได้มรณภาพอย่างสงบในปี พ.ศ. 2439 สิริอายุ 80 ปี 59 พรรษา ปัจจุบันรูปหล่อเหมือนเท่าองค์จริงของท่านยังคงประดิษฐานอยู่บริเวณหน้าอุโบสถ เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศได้แวะเวียนมากราบสักการะ ขอพร และบนบานอยู่มิได้ขาด ถือเป็นหนึ่งในตำนานพระเกจิแห่งเมืองนนทบุรีที่ยังคงอยู่ในใจของผู้คนเสมอมา